สมการการเมือง หลังการเลือกตั้งปีหน้า

สมการการเมืองที่อาจจะได้เห็นหลังการเลือกตั้งปีหน้า

มุมมองนี้เขียนขึ้นก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีคุณประยุทธ์ จบแค่นี้หรืออยู่ต่อไป เป็นเรื่องของข้อกฎหมายและดุลพินิจของตุลาการทั้งเก้าท่าน คุณประยุทธ์เป็นนายกมาแปดปีแล้ว เป็นมาก่อนที่รัฐธรรมนูญปัจจุบันจะมีผลใช้บังคับ อันนี้ไม่มีใครเถียง

ประเด็นอยู่ตรงที่ว่าระยะเวลาแปดปีของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เริ่มต้นนับเมื่อใด รอศาลท่านชี้ ซึ่งชี้ออกมาทางใดคงมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จะเกิดผลอะไรตามมา มีผลต่อความเป็นไปของบ้านเมืองทั้งสิ้น นั่นเป็นเรื่องของอนาคต อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

———-
บทบาทรักษาการนายกรัฐมนตรี
———-

อยากชวนมาพินิจพิเคราะห์ดูถึงเรื่องของบ้านเมืองปัจจุบัน สองอาทิตย์กว่าแล้วที่คุณประวิตรทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ถือว่าบ้านเมืองเดินต่อไปได้ ประชุม ครม. สองครั้งมาแล้ว ไม่มีข่าวของอุปสรรค ความไม่ราบรื่น แผนงานโครงการถูกสานต่อ ปัญหาความเดือดร้อนสำคัญของประชาชนได้รับการดูแลแก้ไข

การลงพื้นที่ต่างจังหวัดเกิดขึ้นทุกสัปดาห์ มีเรื่องใหญ่เชิงนโยบายจริงๆ เท่านั้นที่ชะลอไว้ เช่น ปรับ ครม. ว่ากันว่าคุณประวิตรวางตัวได้อย่างเหมาะสม ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป

คุณประยุทธ์ก็รู้ระยะถี่ ระยะห่าง ระยะที่ควรวางตัว คุณอนุพงษ์ยิ่งชัดเจน วางตัวออกห่างจากทุกเรื่องที่จะถูกตีความให้สับสน แต่ทุกความเคลื่อนไหวแสดงให้เห็นถึงความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพี่น้องสาม ป. อย่างสิ้นสงสัย

———-
พปชร.และเพื่อไทย
———-

ถ้ามองกันให้ลึกลงไป สองอาทิตย์ที่ผ่านมา คนไทยได้เห็นความแตกต่างระหว่าง นายกรัฐมนตรีที่หยุดปฏิบัติหน้าที่กับรักษาการนายกรัฐมนตรี

คุณประยุทธ์กับคุณประวิตรมีความแตกต่างกันในเรื่องนิสัยใจคอ ทักษะทางการเมือง วิธีการบริหารจัดการงานการเมือง ประเภทของคนแวดล้อมใกล้ชิด และเครือข่ายทางการเมือง ความแตกต่างนี้เองนำไปสู่การคาดการณ์ทาง การเมือง หรือหมากการเมืองที่กำลังถูกเดินในขณะนี้ หรือที่จะถูกเดินกันต่อไปในอนาคต

 อย่างแรกเลย คือ ถ้าคุณประยุทธ์มีอันต้องพ้นไปด้วยเหตุอันใดก็ตาม คุณประวิตรเป็นความหวังที่จะมาแทนที่ได้ หรือถ้าเข้ามาแทนที่ไม่ได้ คุณประวิตรสามารถทำดีลการเมืองกับขั้วอื่นได้ดีกว่าคุณประยุทธ์ การันตีความต่อเนื่องทางการเมืองได้ต่อไป ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บารมีคุณประวิตรเพิ่มมากขึ้นในช่วงรักษาการ

ขาดคุณประวิตรไม่ได้ หากขั้วการเมืองเดิมต้องการเป็นรัฐบาลต่อไป ด้วยนิสัย ทักษะ คนใกล้ชิด เครือข่าย และความสัมพันธ์กับผู้นำการเมืองขั้วอื่น ไม่ได้ถูกสะบั้นทิ้งเมื่อมีการยึดอำนาจ ใกล้บ้าง ห่างบ้าง แต่สื่อสารถึงกันได้ตลอดเวลา

คนที่ชื่อ ป.ปลา ที่สี่ ที่ห้า ที่หก ไม่ว่าเป็นน้องหรือลูกน้องใกล้ชิด คือสะพานเชื่อมแบบลับๆ ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง หรือเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ หรือเพื่อทุกเรื่อง ถูกทุกข้อ

ผู้คนจึงคาดเดากันว่า พปชร. กับเพื่อไทยอาจร่วมมือกันเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเลข ส.ส.ของแต่ละพรรคจะออกมาเป็นอย่างไร

ยิ่งได้เห็นท่าทีของพรรคก้าวไกลที่ออกมาอย่างมั่นใจว่า เพื่อไทยคงไม่ชวนก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล คงจะไปทางโน้นมากกว่า ก้าวไกลต้องทำด้วยตนเองเท่านั้น ท่าทีแบบนี้ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ฝ่ายการเมืองอ่านหมากออก คุณประวิตรสามารถสร้างดีลการเมืองได้

———-
ศึกวัดพลังและสายสัมพันธ์
———-

คุณประวิตรไม่ใช่คนอื่นคนไกลของคุณทักษิณ เคยเป็น ผบ.ทบ. เป็น รมต.กลาโหม ทำงานให้มาแล้ว รู้มือ รู้นิสัย รู้เบื้องลึกของกันและกัน จุดแข็งคืออะไร จุดอ่อนเป็นอย่างไร เงื่อนไขอะไรจึงจะใช้ต่อรองกันได้

ต่างคนต่างมีของ ที่สำคัญคนกลางเข้าถึงได้ถึงชั้นในสุดของแต่ละฝ่าย ทั้งสองคนมีคนกลางหลายประเภท หลายระดับ ซึ่งไม่มีใครทำได้ กี่ปีแล้วที่คุณทักษิณต้องไปอยู่ดูไบ ป่วยหนักก็หลายครั้ง แต่ก็อยู่ได้ และไม่มีใครหยุดเขาได้

จนถึงวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะหยุดคุณทักษิณได้อย่างไร หยุดไม่ได้ก็ทำให้อยู่อย่างไม่มีฤทธิ์เดช แต่เวลาก็พิสูจน์แล้วว่า ทำแบบนั้นได้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม คุณทักษิณสามารถออกฤทธิ์ฟาดงวงฟาดงาได้เมื่ออารมณ์ได้อุณหภูมิ

สมการการเมืองวันหน้า ความลงตัวของสมการอยู่ที่พี่น้องสาม ป. และคุณทักษิณ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ จะทำให้ความลงตัวสมบูรณ์ขึ้น แต่ทั้งหมดอยู่ที่จำนวน ส.ส. ที่แต่ละพรรคมีอยู่หลังการเลือกตั้ง รวมทั้งต้องไม่มองข้ามตัวเชื่อมประสานที่เป็น ป.ปลาตากลม ด้วยเช่นกัน