พร้อมเพย์กับความสำเร็จทางการเงินสู่การใช้จ่ายออนไลน์ทั่วประเทศ:
เมื่อนึกถึงธุรกรรมการชำระเงินต่าง ๆ ในปัจจุบันนั้น การชำระเงินด้วยระบบออนไลน์โดยเฉพาะการสแกนคิวอาร์โค้ดในโทรศัพท์มือถือได้เป็นช่องทางการชำระเงินที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทยควบคู่กับการชำระเงินด้วยการโอนเงินผ่านเลขบัญชีธนาคารและกระเป๋าเงินดิจิทัลต่าง ๆ และทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศมีความสะดวกสบายเพียงมีคอมพิวเตอร์หรือเครื่องโทรศัพท์มือถือเท่านั้น
แต่ถ้ามองที่มาของความสะดวกสบายทางการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศในลำดับต้น ๆ ของโลกที่มีปริมาณการทำธุรกรรมในระบบดิจิทัลมากที่สุด ก็ย่อมหมายถึง ระบบการชำระเงิน “พร้อมเพย์” ที่ได้ริเริ่มด้วยธนาคารแห่งประเทศไทยและหน่วยงานภาครัฐเพื่อสร้างช่องทางการเงินออนไลน์ใหม่ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนและเป็นพื้นฐานของการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในไทยให้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมั่นคง
ซึ่งก่อนหน้าที่นโยบาย “พร้อมเพย์” จะผลักดันและใช้งานได้จริง ระบบการโอนเงินแทบทั้งหมดจะมีการคิดค่าธรรมเนียมการโอน ไม่ว่าจะเป็นการโอนระหว่างบัญชีธนาคารเดียวกัน การโอนระหว่างบัญชีต่างธนาคาร หรือแม้แต่การโอนข้ามพื้นที่จังหวัด ต่างก็มีค่าธรรมเนียมราว ๆ 10 – 50 บาทต่อครั้ง ตรงนี้จึงทำให้การทำธุรกรรมธนาคารแบบจำนวนย่อยไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักและการทำธุรกรรมโดยส่วนใหญ่ก็มักเป็นการทำธุรกรรมในปริมาณจำนวนมากที่เงินสดไม่สามารถตอบโจทย์ได้มากนัก ซึ่งจะใช้วิธีการโอนเงินที่สาขาธนาคารหรือใช้เช็คในการดำเนินธุรกรรมดังกล่าว
ส่วนการโอนเงินโดยส่วนใหญ่ ก็คือการดำเนินการที่สาขาธนาคารเป็นหลักซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินธุรกรรมมากพอสมควร ซึ่งในบางกรณีอาจใช้เวลานับวันได้หรืออาจมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ ส่วนระบบออนไลน์ของธนาคารยังถือได้ว่าอยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนาระบบการเงินออนไลน์ซึ่งยังไม่มีการใช้งานที่แพร่หลายมากนักและยังไม่ได้ความนิยมจากสังคมภายนอกเท่าที่ควร ซึ่งยังคงนิยมการใช้งานด้วยเงินสดในตอนนั้นด้วยความคุ้นชินและต้นทุนการดำเนินธุรกรรมด้วยเงินสดที่มีต้นทุนต่ำกว่าการทำธุรกรรมด้วยการโอนเงินที่หน้าธนาคารหรือแม้แต่วิธีการทำธุรกรรมด้วยเช็คและบัตรเครดิต ซึ่งมักมีค่าธรรมเนียมยิบย่อยต่อครั้งแฝงเข้าไปในการทำธุรกรรมในแต่ละครั้งอยู่แล้ว
และรูปแบบการชำระเงินอย่าง “พร้อมเพย์” ได้มีช่องทางการโอนอย่างข้อมูลเบอร์โทรศัพท์และเลขรหัสประจำตัวประชาชนควบคู่กับเลขบัญชีธนาคารปกติ ซึ่งสามารถใช้ในการรับความช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการจากภาครัฐโดยตรงผ่านระบบพร้อมเพย์ โดยไม่ต้องรับเงินสดที่มีความเสี่ยงในเรื่องการตกหล่นระหว่างทางอย่างที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้า ซึ่งเป็นปัญหาขนานใหญ่ในเรื่องการดำเนินโครงการสวัสดิการภาครัฐหรือการสนับสนุนคุณภาพชีวิตประชาชนในประเด็นต่าง ๆ ที่มักประสบปัญหาเงินตกหล่นหรือหายไปบ่อยครั้งเนื่องด้วยการใช้เงินสดเป็นสื่อกลางที่มีความคล่องตัวสูงและไม่สามารถติดตามการใช้จ่ายได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อเทียบกับการสนับสนุนสวัสดิการภาครัฐโดยตรงผ่านระบบการเงินแบบออนไลน์ นอกจากนี้ ระบบพร้อมเพย์ยังเป็นช่องทางสำคัญในการรับคืนภาษีอีกด้วย
โดยจุดเด่นสำคัญของระบบพร้อมเพย์ คือ การใช้เบอร์โทรศัพท์และเลขรหัสประจำตัวประชาชนในการโอนเงินระหว่างกันควบคู่กับการใช้เลขบัญชีธนาคารแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังนำระบบคิวอาร์โค้ดซึ่งเป็นระบบบาร์โค้ดที่สามารถสแกนเพื่อใช้จ่ายหรือรับเงินได้อย่างรวดเร็ว ทำให้การทำธุรกรรมออนไลน์มีความสะดวกสบายมากขึ้น ควบคู่กับการผลักดันโครงการระบบการเงินแห่งชาติที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำคัญที่นำไปสู่การใช้จ่ายออนไลน์อย่างแพร่หลายในช่วงเวลาปัจจุบัน
นอกจากนี้ ระบบพร้อมเพย์ก็ได้ความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมากด้วยเหตุสำคัญคือ การไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนชำระ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลดข้อจำกัดการทำธุรกรรมออนไลน์ลงได้เป็นอย่างมาก และด้วยการผลักดันนโยบายดิจิทัลอย่างจริงจังทั้งจากภาครัฐและเอกชนก็ได้ทำให้ระบบการโอนเงินแบบออนไลน์สามารถรองรับการใช้งานในปริมาณสูง ๆ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เนื่องด้วยการผลักดันโครงการนี้อย่างจริงจังควบคู่กับการประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมโอนออนไลน์จากการนำของภาครัฐจึงทำให้ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ได้ทยอยประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมโอนออนไลน์ทีละธนาคารจนหมดไป และทำให้กำแพงการทำธุรกรรมการเงินถูกทลายลงซึ่งนำไปสู่ความนิยมของการใช้จ่ายออนไลน์อย่างมหาศาลในเวลาต่อมา
แต่กว่า “พร้อมเพย์” จะได้ใช้งานจริงก็ต้องประสบกับการกังขาเชิงลบจากสังคมบางส่วนต่อการผลักดันโครงการการเงินขนาดใหญ่นี้ โดยได้มองว่าเป็นโครงการที่มีจุดมุ่งหมายในการสอดแนมการใช้จ่ายเงินของประชาชนในประเทศรวมทั้งถูกมองว่า มีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยจากการใช้เบอร์โทรศัพท์หรือรหัสบัตรประจำตัวประชาชนเป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรม ซึ่งสุดท้ายแล้วโครงการ “พร้อมเพย์” ก็ได้พิสูจน์ตนเองและจากเดิมที่ผู้ใช้งานมีจำนวนน้อยก็ได้ทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นระบบการเงินหลักของประเทศในระดับเดียวกับเงินสด โดยมีไม่กี่ประเทศที่สามารถผลักดันระบบการเงินออนไลน์แบบไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนให้มีการใช้งานที่มีสัดส่วนพอ ๆ กับระบบเงินสด ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
สุดท้ายนี้ โครงการการเงินขนาดใหญ่อย่าง “พร้อมเพย์” คือความสำเร็จทางการเงินครั้งใหญ่ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายในการทำธุรกรรม การทำธุรกรรมออนไลน์ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมซึ่งมักเป็นอุปสรรคในการขยายตัวของธุรกรรมเงินย่อยในประเทศ รวมทั้งช่องทางในการรับโอน-ชำระโอน ที่มีหลากหลายช่องทางและรองรับเงื่อนไขของธุรกรรมที่มีความแตกต่างกัน นอกจากนี้ระบบพร้อมเพย์ยังถือได้ว่า เป็นก้าวสำคัญของการยกระดับการจัดทำโครงการสวัสดิการรัฐพื้นฐานเพื่อประชาชนต่าง ๆ ที่สามารถนำความช่วยเหลือมาถึงประชาชนแบบเต็มบาทเต็มหน่วยผ่านการโอนเงินโดยตรงผ่านเลขรหัสประจำตัวประชาชนและโปรแกรมแอปมือถือของทางภาครัฐ ซึ่งความช่วยเหลือดังกล่าวย่อมไม่ตกหล่นระหว่างทางเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นแล้ว โครงการพร้อมเพย์ ที่เป็นโครงการทางการเงินระดับประเทศนั้น ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า
“เป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแท้จริง”
โดย ชย
อ้างอิง :
[1] PromptPay: the Game Changer for Payments
https://www.bot.or.th/Thai/BOTMagazine/Pages/256303_TheKnowledge_PromptPay.aspx
[2] พร้อมเพย์คืออะไร
https://www.bot.or.th/Thai/PaymentSystems/PSServices/PromptPay/Pages/default.aspx
[3] ย้อนอดีต “พร้อมเพย์” ผลงานชิ้นโบแดง 8 ปี “บิ๊กตู่” บริหารประเทศ
https://www.thansettakij.com/economy/525757