
เอา AI มาช่วยกฎหมายชารีอะห์ อิหร่านกำลังพิจารณาร่างกฎหมายใหม่ เกี่ยวกับการสวมฮิญาบที่เข้มงวดมากขึ้น โดยจะนำเทคโนโลยีระบุตัวตนมาใช้งาน
ทางการอิหร่านกำลังพิจารณาร่างกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการสวมฮิญาบที่มีความเข้มงวดมากขึ้น เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนวันครบรอบ 1 ปีของการประท้วงครั้งใหญ่ซึ่งจุดประกายจากการเสียชีวิตของมาห์ซา อามินี หญิงสาววัย 22 ปี ในขณะที่ถูกควบคุมตัวโดยตำรวจศีลธรรมเนื่องจากเธอสวมฮิญาบไม่เรียบร้อย
สำนักข่าวเมห์ร (Mehr) ของอิหร่านรายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 ส.ค.) ว่าฝ่ายตุลาการได้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังรัฐบาลเพื่อพิจารณาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากนั้นจึงส่งต่อไปยังรัฐสภาและได้รับอนุมัติจากคณะกรรมาธิการด้านกฎหมายและการพิจารณาคดีในเวลาต่อมา โดยจะมีการเสนอต่อคณะกรรมการผู้ว่าการรัฐในวันอาทิตย์นี้ (6 ส.ค.) ก่อนที่จะมีการนำเสนอต่อรัฐสภาอิหร่านเพื่อสรุปและลงมติในร่างกฎหมายในอีก 2 เดือนข้างหน้า
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368 (ฉบับเดิม) ระบุว่าผู้ที่ฝ่าฝืนระเบียบการแต่งกายจะต้องถูกจำคุกระหว่าง 10 วันถึง 2 เดือน หรือปรับระหว่าง 1.18 – 11.82 ดอลลาร์ (41-411 บาท)
กฎหมายใหม่จะจัดประเภทการไม่สวมฮิญาบใหม่ให้เป็นความผิดที่รุนแรงขึ้น โดยมีโทษจำคุก 5-10 ปี และเพิ่มโทษปรับเป็นไม่เกิน 8,508 ดอลลาร์ หรือราว 296,000 บาท ซึ่งฮอสเซน ราเอซี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนชาวอิหร่านและผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยคาร์ลตันในออตตาวา แคนาดา กล่าวกับ CNN ว่าค่าปรับใหม่นั้นสูงเกินกว่าที่ชาวอิหร่านทั่วไปจะจ่ายได้ เนื่องจากคนหลายล้านคนอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน
ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ เจ้าของธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจะต้องโทษปรับในอัตราที่สูงขึ้น ซึ่งตัวเลขอาจเท่ากับ 3 เดือนของผลกำไรทางธุรกิจของพวกเขา และอาจถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะหรือกิจกรรมทางโซเชียลมีเดียนานถึง 2 ปี
ขณะที่คนดังอาจถูกปรับสูงถึง 1 ใน 10 ของสินทรัพย์ทั้งหมดที่ครอบครองอยู่, ถูกกีดกันจากการจ้างงานหรือกิจกรรมทางวิชาชีพตามระยะเวลาที่กำหนด และอาจถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางโซเชียลมีเดีย
ร่างกฎหมายดังกล่าวยังกำหนดให้มีการแบ่งแยกทางเพศในวงกว้างขึ้น เช่นในมหาวิทยาลัย, แหล่งรวมการประท้วงของพลเรือนและพื้นที่สาธารณะอื่นๆ
ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า ในการบังคับใช้กฎหมายใหม่ ตำรวจอิหร่านต้องสร้างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบ AI เพื่อระบุตัวผู้กระทำผิดโดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น กล้องติดอยู่กับที่และกล้องวงจรปิดเคลื่อนที่ ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สื่อของรัฐรายงานว่าจะมีการติดตั้งกล้องในที่สาธารณะเพื่อระบุตัวผู้หญิงที่ละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการสวมใส่ฮิญาบ
(1 ดอลลาร์ = 34.75 บาท)