“ตำแหน่ง ผบ.ตร. แค่หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ ชีวิตเรามีเท่านี้ จะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2567
ภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในคำสั่งโยกย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร เข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ. ตร. รักษาการ เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2567
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2567 พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ได้เดินทางมารายงานตัวที่ทำเนียบรัฐบาล และเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่าตนเองได้รับมอบหมายให้ดูงานจิตอาสา ซึ่งตนเองทำอยู่แล้ว โดยให้คำปรึกษาเรื่องการดูแลชุมนุมต่างๆ
และเมื่อถูกถามถึงคำสั่งโยกย้าย พล.ต.อ. ต่อศักดิ์กล่าวว่าตนเองเป็นหัวหน้าหน่วย แต่ทำให้องค์กรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้ ถือเป็นความบกพร่อง เมื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารต้องกำกับดูแลในส่วนนี้ และยอมรับสภาพ คนรู้ว่าตนก็คาใจอยู่ ยังบอกกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า เราไม่ได้นั่งคุยกัน ที่ผ่านมาพยายามทำสภากาแฟ ให้พี่น้องได้มาคุยกัน เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่หัวหน้า ซึ่งก็โอเคในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ย้ำว่า ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด แม้อายุราชการจะเหลือน้อย แต่จะช้าหรือเร็วตนเองก็ต้องไป
“วันนี้พี่ถอดหัวโขน อยู่แค่ตำแหน่งผบ.ตร. หัวโขนในการปฏิบัติหน้าที่ เราก็ถอดออก มานั่งที่นี่ก็ใส่หัวโขนที่นี่ โรงละครของเราเลิกแล้วก็เก็บฉาก เก็บเครื่องแต่งตัว ปิดไฟ หอบเสื่อกลับบ้านเราก็เท่านั้น ชีวิตเรามีเท่านี้ จะมาเครียดอะไร มาเร็วก็ต้องจากกัน ผมไม่เครียดหรอก ยืนยันไม่ช็อก เพราะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รู้ก่อนที่นายกฯจะเรียกเข้าพบ รู้ส่วนตัวอยู่แล้ว” พล.ต.อ. ต่อศักดิ์กล่าว
เมื่อถูกถามว่าที่ถูกสั่งย้ายในครั้งนี้เป็นเพราะว่าไม่สามารถจัดการเรื่องภายในของตำรวจได้ใช่หรือไม่ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ยกนิ้วโป้งพร้อมตอบว่า “ใช่”
ด้านนายเศรษฐาโพสต์สื่อโซเชียล ย้ำถึงกรณีนี้ว่า “พี่น้องตำรวจต้องสมัครสมานสามัคคี ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ประโยชน์ของประชาชนคือเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะตำรวจต้องยึดพี่น้องประชาชนเป็นศูนย์กลาง”