
Here We Go (93) ดึงสถาบันลงมาสู่การเมือง รู้เท่าทันทั้งกลุ่ม ‘ใส่ร้าย’ และ ‘แอบอ้าง’ ความจงรักภักดี ที่กำลังดึงสถาบันกษัตริย์ลงมาสนองประโยชน์ฝ่ายตน
ถือเป็นโชคดีของประเทศและคนไทยที่ในหลวงทรงแต่งตั้งคุณประยุทธ์เป็นองคมนตรีมาช่วยสนองงานในพระราชดำริซึ่งทั้งปวงล้วนแต่ทำเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนทั้งสิ้น ทั้งผลงานรวมถึงการทำหน้าที่ของคุณประยุทธ์ตลอดระยะเวลาของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนไม่มีเรื่องเสื่อมเสียด่างพร้อย แม้แต่รัฐบาลคุณเศรษฐาก็ยังได้ใช้ประโยชน์จากผลงานหลายด้านของรัฐบาลคุณประยุทธ์อยู่ขณะนี้
แต่ก็ไม่วายที่สมาชิกพรรคก้าวไกลบางคนออกมาวิจารณ์ถึงการแต่งตั้งคุณประยุทธ์ทำนองว่ามีคุณสมบัติไม่ดีเป็นผู้นำรัฐประหารมาก่อน ช่างตำหนิกันเหลือเกินแต่คนที่จะมาเป็น ส.ส.ของพรรคก้าวไกลเองกลับไม่เคยคิดที่จะตรวจสอบ ไปเลือกผู้ต้องคดีอาญามา ไปเลือกผู้ที่มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศมาสมัคร ส.ส. ไปเลือกคนที่ชอบเรียกรับผลประโยชน์มาเป็นผู้ช่วย ส.ส.
พอเขาจับได้ไล่ทันก็ทำพิธีกรรมขับไล่แบบฝากเลี้ยงไว้กับพรรคการเมืองอื่นแทน ไม่ต้องการให้พรรคของตนเองเสียประโยชน์ในสภา ไม่ได้คิดถึงคำที่เคยประกาศว่าจะทำการเมืองแบบใหม่เลยสักนิด
คนของพรรคก้าวไกลบางคนนำเรื่องการแต่งตั้งแบบไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาเป็นประเด็นต่อว่า ดูเผินๆเหมือนเป็นการแสดงความอ่อนด้อยตื้นเขินในภูมิความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายจนต้องมีผู้รู้ออกมาให้สติจนบางคนต้องลบโพสต์ข้อความออกจากสื่อโซเชียลแทบไม่ทัน แต่เมื่อลองไตร่ตรองให้ดีคิดว่าคนพวกนี้ไม่ได้มีเจตนาจะโชว์ความอ่อนด้อย
แต่ต้องการตีกระแสจุดประเด็นให้คนอื่นเข้ามาวิจารณ์จาบจ้วงในหลวง เพราะที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวโจมตีสถาบันแทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว จึงต้องสร้างกระแสให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่พรรคกำลังผลักดันเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมที่ต้องการให้ครอบคลุมถึงผู้ต้องคดีมาตรา 112 ด้วย
จะว่าไปแล้วตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมาจนถึงทุกวันนี้ พรรคก้าวไกลหมกมุ่นอยู่กับความต้องการล้มหรือลดทอนพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ขายแนวคิดสนับสนุนผลักดันแอบอยู่ข้างหลังให้เยาวชนออกมาเคลื่อนไหวจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์จนต้องคดีตามกฎหมาย รณรงค์จัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยกเลิกหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์
ล่าสุดก็มาเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องนี้ ไม่เคยหาทางออกช่วยเหลือประชาชนในด้านอื่นๆเลย นโยบายต่างๆที่เคยหาเสียงไว้ไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูด น่าเสียดายคนที่เลือกพรรคก้าวไกลที่หวังต้องการเห็นการเมืองใหม่อาจไม่ได้เห็นดังหวัง
—-
เราได้เห็นภาพคนของพรรคก้าวไกลพยายามด้อยค่า สร้างปัญหาให้คนทั่วไปเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อจะนำไปสู่สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่ขณะเดียวกัน เรากำลังได้เห็นภาพกลุ่มคนที่แอบอ้างความจงรักภักดีและแสวงประโยชน์จากความภักดีนั้นไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และหาอำนาจทางการเมืองให้กับตนเองและพรรคพวก
พวกเราคงได้เห็นหรืออ่านข้อเขียนบางเรื่องที่ไม่ปรากฏชื่อผู้เขียนหรือปรากฏชื่อแต่ไม่ใช่ชื่อจริง เผยแพร่ในโลกออนไลน์โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้เรื่อยมา มีคนจำนวนมากหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ส่งต่อๆ กันในกลุ่มญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง บ้างก็สอบถามว่าเป็นจริงเช่นนั้นหรือ
สาระหลักก็คือคนเขียนอ้างว่าไปคุยกับบุคคลสำคัญในบ้านเมืองทำให้ได้ข้อเท็จจริงสำคัญหลายเรื่องราว ได้แก่กลุ่มทุนสามานย์กับกลุ่มคนใกล้ชิดสถาบันพระมหากษัตริย์ร่วมมือกันขอพระราชทานอภัยโทษให้นายทักษิณโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองขององคมนตรี เลยทำให้เกิดผลเช่นปัจจุบัน
ต่อมาขยายความว่ากลุ่มทุนสามานย์มีเจ้าสัวพลังงานรายใหญ่เป็นกำลังสำคัญได้สลายอำนาจพรรคการเมืองและกลุ่มพลังฝ่ายอนุรักษนิยมจนสิ้นพลังอำนาจ ทั้งเข้าไปยึดครองสื่อมวลชนในฝ่ายอนุรักษ์เป็นของตนเอง บีบคั้นให้คนอย่างสนธิญานและอัญชลีต้องออกไปจากสื่อบางสำนัก
ตอนนี้นายเศรษฐาเป็นเพียงนายกตัวสำรอง เพียงแต่รอเวลาให้นายทักษิณเป็นอิสระ สว.ชุดปัจจุบันครบวาระ จากนั้นจะเกิดรัฐบาลใหม่ของพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ที่ไม่มีนายเศรษฐาเป็นนายก แต่จะเป็นลูกสาวนายทักษิณเข้ามาแทน
แล้วขมวดตอนท้ายว่ารัฐบาลใหม่นี้จะเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะจะใช้การทำประชามติยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ การตั้งรัฐบาลนายเศรษฐาเพื่อสมานฉันท์เป็นการหลอกลวงคนไทยทั้งชาติและมวลชนเสื้อสีทั้งหลาย ความจริงคือนายทักษิณกับนายธนาธรทำดีลลับกันที่ฮ่องกงไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดนี้คือข้อสรุปให้พวกเราได้เห็น
อ่านแบบไม่คิดวิเคราะห์หรือไม่ได้ติดตามการเมืองอย่างละเอียดมาก่อน อาจจะหลงเชื่อ แต่ถ้าค่อยๆ คิดให้รอบด้านก็จะเข้าใจได้ว่า คนเขียนเอาสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในบ้านเมืองมาบอกเล่า แต่แต่งเสริมเติมแต่งเนื้อเรื่องโดยให้คนอ่านเชื่อว่าได้คุยกับบุคคลสำคัญของบ้านเมือง เรื่องราวถึงได้ออกมาว่าการอภัยโทษนายทักษิณมาจากนายทุนสามานย์กับคนใกล้ชิดในวังทำกันโดยไม่ผ่านองคมนตรี จะผ่านหรือไม่ผ่านองคมนตรีไม่ใช่ประเด็น
การใช้พระราชอำนาจไม่จำเป็นต้องถามองคมนตรีทุกเรื่อง แต่การปรุงแต่งเรื่องให้กลุ่มทุนสามานย์อยู่เบื้องหลัง เป็นเรื่องที่ไร้ความจงรักภักดี ไม่ทราบกระบวนการทำงานในการกราบบังคมทูลเรื่องราชการแผ่นดินที่มีระเบียบแบบแผนและขนบกำกับ ที่สำคัญใครคือบุคคลสำคัญของบ้านเมืองที่เล่าเรื่องนี้ ใครคือกลุ่มนายทุนสามานย์
หัวใจของเรื่องที่เขียนก็คือคนเขียนหรือพวกของเขาต้องการให้คนไทยเชื่อว่า นายทักษิณกับนายธนาธรมีข้อตกลงลับที่จะตั้งรัฐบาลร่วมกันในอนาคตเมื่อเงื่อนไขสองข้อสมบูรณ์แล้ว ถ้าคิดแบบยกประโยชน์ให้เงื่อนไขคงเกิดขึ้นได้ในปี 2567 พรรคเพื่อไทยจะสลัดทิ้งพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ไปจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาล แล้วจะใช้การทำประชามติล้มสถาบันพระมหากษัตริย์
ทางหลักการทำได้ แต่ทางปฏิบัติ ขั้วอำนาจอื่นในสังคมไทยนอกเหนือจากทั้งสองพรรคจะยินยอมพร้อมใจหรือ นายทักษิณจะกล้าหาญชาญชัยหรือ ถ้าติดตามการเมืองต่อเนื่องพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลไม่ได้แสดงอะไรที่บ่งบอกว่าจะร่วมมือทางการเมืองกัน มีแต่แข่งขันกันมากขึ้นทุกวัน
ถ้าปล่อยไปถึงเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคเพื่อไทยแพ้จะเกิดอะไรขึ้น พรรคเพื่อไทยเป็นนักเลือกตั้งอาชีพ ที่หวังเข้ามาใช้งบประมาณ กับพรรคก้าวไกลที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ นายทักษิณจะยอมแบ่งอำนาจให้กระนั้นหรือ
คนเขียนเรื่องนี้นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง ด้อยค่าสถาบันฯ ไม่จงรักภักดี และไม่ได้หวังดีต่อประเทศชาติ น่าสงสัยด้วยซ้ำว่า หวังลึกๆ ให้บ้านเมืองวุ่นวายเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง