Here We Go (73) เส้นทางสู่ตำแหน่งนายกเหลืออีกไม่กี่ก้าว ส่องหนทางสู่ชัยชนะของพรรคก้าวไกล เพื่อไทย คืออีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญ ไทย จะได้ใครเป็นนายกนั้น ต้องติดตาม
ในที่สุดแล้ว อาทิตย์นี้เราก็จะรู้กันว่านายกรัฐมนตรีจะชื่อพิธาหรือชื่ออื่นใด เอาใจช่วยทุกคนทุกฝ่าย ใช้สิทธิ ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่อย่างเที่ยงธรรม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง การเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะตำแหน่งนี้มีอำนาจมากมาย ไม่ใช่อำนาจที่ตัวเองมีเท่านั้น แต่อำนาจถูกเผื่อแผ่ไปถึงคนอื่นได้ด้วย คนใกล้ชิด พรรคพวก ผู้มีพระคุณ เพื่อน นายกรัฐมนตรีสามารถทำให้คนเหล่านั้นเข้ามาใช้อำนาจได้ด้วยทั้งทางตรงและทางอ้อม ถ้าใช้อำนาจเหล่านั้นอย่างเที่ยงธรรม บ้านเมืองก็เจริญรุ่งเรือง ถ้าใช้อย่างอธรรม บ้านเมืองก็จะเสียหาย
ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงไม่ใช่นักการเมืองธรรมดา ไม่ใช่นักการเมืองที่พูดเก่ง ไม่ใช่นักการเมืองที่แสดงออกได้อย่างน่าชื่นชม ประทับใจ แต่ต้องเป็นนักการเมืองที่มีคุณธรรม เป็นนักการเมืองที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซื่อสัตย์จริงใจต่อชาติบ้านเมือง ก็ไม่รู้ว่าการสรรหานายกรัฐมนตรีครั้งนี้จะหาคนเป็นเช่นที่ว่าได้หรือไม่
———-
ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา คนที่ติดตามการเมืองจะเห็นปรากฏการณ์ที่ ส.ว. ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกกดดัน จากคนกลุ่มหนึ่งหรือแม้แต่ ส.ว.ด้วยกันเองที่มีความเห็นไม่ตรงกัน
จะเรียกว่าเป็นจำเลยหรือเหยื่อดี ก็เรียกไม่ถูก มองเลยไปข้างหน้าถ้าคุณพิธาไม่ได้เป็นนายก เห็นท่าจะหาคำนิยาม ส.ว. ไม่ได้เสียกระมัง คงถูกขนานนามให้เละเทะจนหมดรูป จะทำอย่างไรได้ เมื่อเขาให้อำนาจมา ก็ต้องใช้อำนาจนั้น สำคัญใช้ให้เที่ยงธรรม ก็จะได้ไม่อายใคร
น่าสนใจมากถึงกลยุทธ์ที่พรรคก้าวไกลใช้ในการรณรงค์ให้คุณพิธาเป็นนายก ในช่วงสัปดาห์สุดท้าย คนของพรรคก้าวไกลใช้กลยุทธ์ประกาศว่าได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ครบแล้วทั้ง 64 เสียงที่ต้องการ หลังจากได้ประสานงานติดต่อทำความเข้าใจเรื่องนโยบายแก้ไขมาตรา 112 การยึดหลักการประชาธิปไตยในการเลือกนายกเหมือนเมื่อครั้งเลือกคุณประยุทธ์เมื่อปี 2562
คนของพรรคก้าวไกลทุกคน รวมทั้งคนอยู่เบื้องหลังพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ครบถ้วนแล้ว เลือกครั้งเดียวคุณพิธาเป็นนายกแน่นอน แต่ก็ไม่อาจวางใจได้ อาจมี ส.ว. หลายคนเปลี่ยนใจ อาจมีอำนาจลึกลับมาแทรกแซงให้ ส.ว.เปลี่ยนใจจนเสียงไม่ครบ
สัญญาณแบบนี้ถูกส่งไปยังกองเชียร์ที่สนับสนุนคุณพิธาและพรรคก้าวไกลให้มีความหวังและความฝัน ในขณะที่สื่อหลักเกือบทุกสำนักเสนอข่าวในทางตรงกันข้าม ว่าคุณพิธายังอยู่ในสถานะลำบากที่จะได้เสียง ส.ว.สนับสนุนถึง 64 เสียง แถม ส.ว.บางคนที่เคยแสดงท่าทีจะสนับสนุนก็เปลี่ยนใจไม่สนับสนุนเสียแล้ว
สรุปแล้วใครมีข้อมูลไม่จริงกันแน่ ลองไปอ่านข้อมูลให้ละเอียดก็พบว่ามีเพียงพรรคก้าวไกลเท่านั้นที่ยืนยันว่าได้เสียง ส.ว.ครบถ้วนแล้ว ไม่มีสื่อหลักและพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีข้อมูลของตัวเองว่าก้าวไกลได้เสียงสนับสนุนครบแล้ว จึงน่าสนใจมากว่าที่ก้าวไกลพูดเป็นข้อเท็จจริงหรือกลยุทธ์
ถ้าเป็นข้อเท็จจริงทำไมคนอื่นถึงไม่มีข้อมูลนี้ ถ้าเป็นกลยุทธ์ก็น่าคิดว่าก้าวไกลทำไปเพื่ออะไร ต้องการอะไรหลังจากการลงมติ ต้องการอะไรถ้าคุณพิธาไม่ได้เป็นนายก ไปพูดให้กองเชียร์มีความหวังเพื่ออะไร อย่างนี้เรียกว่ามาเหนือเมฆหรือไม่ คิดดีหรือคิดร้ายกับบ้านเมืองกันแน่
คงตอบคำถามแทนคุณพิธาและก้าวไกลไม่ได้ นอกจากต้องรอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป ในฐานะคนไทยคนหนึ่งได้แต่ขอให้ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยตลอดไป
———-
ที่กล่าวมาเช่นนี้เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะคิดว่าคุณพิธาที่จะถูกพรรคก้าวไกลเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีแบบไม่มีคู่แข่งนั้น มีอุปสรรคสำคัญคือคุณสมบัติเฉพาะตัว คุณสมบัติทางการเมืองและนโยบายการเมืองของพรรคก้าวไกล ล้วนแต่สร้างความกังขาต่อทุกภาคส่วน จนกลายเป็นความกลัวของคนไทยส่วนใหญ่ที่ว่าประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม คือ แย่กว่าเดิม
บรรดา ส.ว.ที่จะต้องมีส่วนร่วมกับการเลือกคุณพิธาด้วยต่างได้รับเสียงสะท้อนและความรู้สึกของประชาชนเช่นกัน คงจะอาศัยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายกลั่นกรองหาหนทางที่ดีที่สุดลดความกังวลของประชาชน แล้วถ้าคุณพิธาไม่ได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอ จะทำอย่างไรกันต่อ
สมมติว่าเลือกครั้งที่ 1 ไม่ผ่าน แล้วถ้าพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคก้าวไกลดึงดันเสนอชื่อคุณพิธาอีกเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 จะทำได้หรือไม่
คงต้องไปดูว่ารัฐธรรมนูญเปิดช่องทางให้ทำได้แค่ไหน หากมีความเห็นที่แตกต่างกันจะทำอย่างไรประธานรัฐสภาจะตัดสินใจอย่างไร หากทำแล้วผิดข้อบังคับของรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นว่าได้นายกรัฐมนตรีมาแบบไม่ถูกต้องทุกอย่างจะเสียหายไปหมด
อาจมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดวินิจฉัยข้อปัญหาก่อนที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้กว่าจะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คงไม่พ้นเดือนสิงหาคมหรืออาจยาวไปถึงกันยายนได้
ช่วงเวลาที่เหลือก่อนถึง 13 กรกฎาคมนี้ คุณเลขาพรรคก้าวไกลคงต้องทำงานหนักเพื่อเดินสายสร้างความเชื่อมั่นขอคะแนนเสียงสนับสนุนคุณพิธาจากบรรดา ส.ว. แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนยังตอบไม่ได้
ขณะที่ ส.ส.ของพรรคแต่ละคนยังแสดงออกลักษณะท้าทายสังคมได้ทุกวัน เช่น แต่งเครื่องแบบชูนิ้วบ้าง เดินสายแถลงแนวคิดปรับปรุงภาคการเงินการธนาคารบ้าง แต่ละเรื่องทำให้คุณเลขาพรรคก็ต้องคอยตามล้างตามเช็ดไม่หวาดไม่ไหว
———-
พรรคเพื่อไทยดูเหมือนตอนนี้จะเนื้อหอมเปรียบไปก็เหมือนกับเป็นคนหล่อเลือกได้ เพียงแต่ตอนแรกนี้ต้องหนุนพรรคก้าวไกลให้ถึงที่สุดก่อน หากคุณพิธาไปต่อไม่ได้ความชอบธรรมจะกลับมาที่พรรคเพื่อไทยในการเสนอชื่อคนของพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
แต่จะเป็นการจับมือกับ 8 พรรคร่วม MOU เดิมหรือไม่ ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยคงต้องหาความสมดุลระหว่างเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.กับเสียงของด้อมทั้งพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยที่ยังอยากเห็นทั้ง 2 พรรคนี้จับมือกันเป็นรัฐบาล หรือถ้าจะต้องเพิ่มขั้ว แม้กระทั่งพลิกขั้วจัดทัพกันใหม่จะมีเหตุผลอ้างต่อชาวด้อมทั้งหลายได้หรือเปล่า
มาถึงขณะนี้พรรคก้าวไกลคงไม่อยากกลับไปเป็นฝ่ายค้านอีก เพราะการมีส่วนร่วมในฐานะฝ่ายรัฐบาลที่แม้จะไม่ได้เป็นผู้นำรัฐบาลก็ตามจะสามารถยึดกุมอำนาจการบริหารและการจัดสรรทรัพยากรของรัฐได้มากกว่าและดีกว่าฝ่ายค้าน เมื่อโอกาสมาถึงแล้วคงต้องคว้าไว้ไม่ให้หลุดมือทำให้เหล่าด้อมส้มผิดหวัง
ที่ผ่านมาการตกลงใจร่วมกันของพรรครัฐบาล 8 พรรคที่ให้คุณวันมูหะมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งเป็นประธานรัฐสภาในวินาทีสุดท้ายก่อนวันประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน อาจมองได้ถึงความเหนียวแน่นของพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลก็ได้ หรืออีกมุมหนึ่งที่ส่อสะท้อนให้เห็นว่าเป็นการตกลงต่อรองกันถึงหยดสุดท้ายเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ทางการเมืองบนพื้นฐานความไม่ไว้วางใจกันระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย
มีทั้งการต่อรองตำแหน่งและจำนวนตำแหน่ง ในคณะรัฐมนตรีรวมทั้งต้องสัญญาที่จะผลักดันแก้ไขกฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเห็นได้จากคำแถลงของคุณพิธาภายหลังที่ยอมให้คุณวันมูหะมัดนอร์นั่งในตำแหน่งประธานฝ่ายนิติบัญญัติ จากนี้ก็เป็นเรื่องที่ประธานรัฐสภาคนใหม่จะต้องรับลูกไปดำเนินการจะเป็นระเบิดอีกลูกหนึ่งที่จำเกิดขึ้นภายใน 100 วันจากนี้
อยากจะให้ความเห็นสักข้อหนึ่งที่ช่วงที่มีการต่อรองตำแหน่งประธานรัฐสภา จนมาได้ข้อยุติที่คุณวันนอร์ แบบไม่มีผู้เสนอชื่อแข่ง และรองประธานสภาคนที่ 1 มีผู้เสนอชื่อแข่งกับพรรคก้าวไกล ขณะที่รองประธานคนที่ 3 ไม่มีผู้เสนอชื่อแข่ง แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลอยู่ในสภาวะที่ไม่มีเพื่อน ไร้ญาติขาดมิตรในรัฐสภา อันน่าจะเป็นผลมาจากการกระทำ การแสดงออกในสภาที่ผ่านมา ตอนนี้คงต้องเร่งแก้กรรมเก่ากันเป็นพัลวัน
สรุปแล้วการเมืองไทยขณะนี้ยังไม่รู้จะไปทางไหนต้องดูวันต่อวัน ยังไม่รู้ว่าหวยจะไปออกที่ใคร จะไปออกที่คุณพิธาเหมือนตอนไปซื้อลอตเตอรี่ที่ลำพูนอีกหรือเปล่า หรือจะกลายเป็นเรื่องการขัดลาภใหญ่ตามที่โบราณเขากล่าวไว้ อีกไม่กี่วันคงได้รู้