
ขยายเวลา 5 ปี ‘สรรพากร’ ขยายเวลามาตรการลดหย่อนภาษีนิติบุคคลผู้บริจาคเงิน เข้ากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
สืบเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ออกไปอีก 5 ปีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 67 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 71
โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร (e–Donation) ให้แก่ กสศ. และเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่ กสศ. ให้เหมือนกันกับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษา
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 66 ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เรื่อง การขยายระยะเวลามาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ออกไปอีก 5 ปี และเพิ่มเติมการยกเว้นภาษีสำหรับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่ กสศ. ให้เหมือนกันกับการบริจาคทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษา โดยมีหลักการสรุปได้ ดังนี้
1.ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมสรรพากร (e-Donation) ให้แก่ กสศ. ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2571 ดังต่อไปนี้
1.1 บุคคลธรรมดา ให้หักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค และเมื่อรวมกับเงินได้ที่ได้มีพระราชกฤษฎีกา ที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 2 เท่า ของเงินที่ได้จ่ายแล้ว ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมิน หลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร
1.2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้หักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค และเมื่อรวมกับรายจ่ายที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 2 เท่าของรายจ่ายที่ได้จ่ายแล้ว ต้องไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่าย
เพื่อการกุศล สาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษา หรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
2.ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดา และบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่ กสศ.
โดยจะต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้าซึ่งได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่าย หรือรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือภาษีเงินได้นิติบุคคล แล้วแต่กรณี”
“กรมสรรพากรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการภาษีข้างต้นจะช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนบริจาคสนับสนุนการดำเนินการของ กสศ.อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และผู้ด้อยโอกาส ให้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น อันเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
รวมทั้งการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ทำให้ประเทศมีทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น อันเป็นรากฐานสำคัญของการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว” ดร.กุลยากล่าว