
วิกฤตหนักกองทัพสหรัฐฯ ยอดทหารใหม่ตกวูบเหลือครึ่งเดียวจากเป้า
พล.อ.โจเซฟ มาร์ติน รองเสนาธิการกองทัพบก กล่าวเมื่อวันอังคาร (19 ก.ค.) ที่ผ่านมา ว่า จนถึงขณะนี้ ทางกองทัพสหรัฐฯ รับสมัครทหารใหม่ได้เพียงราว 30,000 คน จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 60,000 คน ภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจส่งกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความพร้อมรบในอนาคต
มาร์ติน กล่าวว่า “เรากำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งจากผลกระทบหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 และตลาดแรงงาน อีกทั้งยังต้องแข่งขันกับบริษัทเอกชนที่ให้ค่าแรงที่น่าดึงดูดใจ” ซึ่งส่งผลให้ในปีนี้ มีจำนวนผู้สมัครเข้าเป็นทหารต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 23%
โดยมีสาเหตุมาจาก การโฆษณาที่ยัดเยียดแนวคิด woke ซึ่งถูกล้อเลียนอย่างกว้างขวางในวงโซเชียลมีเดีย และระบบการรับสมัครที่ล้าสมัยโดยผ่านระบบ Outsource
ด้านกองทัพบกสหรัฐฯ พยายามแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการเสนอโบนัสสูงถึง 50,000 ดอลลาร์ (1.8 ล้านบาท) สำหรับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลาหกปี ซึ่งในทางปฏิบัติอาจน้อยกว่านั้นมาก
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้สมัครก็ยังไม่ครบตามเป้า โดยมาร์ติน คาดว่าภายในสิ้นปีงบประมาณนี้ กองทัพอาจมีจำนวนทหารเหลือเพียง 466,400 นาย จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 476,000 นาย และอาจเหลือเพียง 445,000 นาย ภายในสิ้นปี 2566
ทั้งนี้ จากผลสำรวจภายในของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่แล้ว แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 9% ของพลเมืองที่มีสิทธิ์ซึ่งมีอายุระหว่าง 17-24 ปี มีความประสงค์ที่จะรับราชการในกองทัพ ซึ่งเป็นจำนวนต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ในขณะเดียวกัน ชาวอเมริกันที่มีสภาพร่างกาย จิตใจและศีลธรรม ที่ผ่านเกณฑ์ ลดลงจาก 29% เป็น 23% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
จากข้อมูลของเพนตากอน เหตุผลหลัก 3 ประการที่คนอยากสมัครเข้าร่วมกองทัพ ได้แก่ เงิน ทุนสำหรับเรียนมหาวิทยาลัย และค่าการเดินทางท่องเที่ยว
ในขณะที่ เหตุผลหลัก 3 ประการที่ทำให้คนไม่อยากสมัครเข้าร่วมกองทัพ ได้แก่ ความกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต การบาดเจ็บทางจิตใจ และการล่วงละเมิดทางเพศหรือการทำร้ายร่างกาย
สรุปพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อห้าม, บทลงโทษ และอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
จีนจัดทัพ ประชิดชายแดนเมียนมา หลังเกิดการปะทะในรัฐฉาน ยิงปืนใหญ่หลุดเข้ามาในจีน ทำให้ชาวจีนได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนเสียหาย
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม