ปิดสาขายุโรป หันลุยภูมิภาคอื่น!!Open Society Foundations ของ George Soros จะปิดการดำเนินงานสาขาส่วนใหญ่ในสหภาพยุโรป โดยจะหันความสนใจไปที่ “ส่วนอื่นๆ ของโลก” แทน

มูลนิธิ Open Society Foundations (OSF) ของจอร์จ โซรอส (George Soros) มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี จะปิดการดำเนินงานส่วนใหญ่ในสหภาพยุโรป โดยจะหันไปให้ทุนสนับสนุนด้านเสรีนิยมที่อื่นแทน  รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) โดยอ้างถึงอีเมลภายในมูลนิธิ OSF 

“ในท้ายที่สุด ทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่ได้รับอนุมัติใหม่จะกำหนดให้มีการถอนตัวและยุติการดำเนินงานส่วนใหญ่ในสหภาพยุโรป โดยเราจะหันความสนใจและการจัดสรรทรัพยากรของเราไปยังส่วนอื่นๆ ของโลก” อีเมลถึงพนักงาน ระบุ

อย่างไรก็ตาม โฆษกของ Open Society Foundations ระบุว่า ทางมูลนิธิจะยังคงมอบเงินช่วยเหลือบางส่วนแก่ยุโรป ซึ่งรวมถึงในยูเครน มอลโดวา และคาบสมุทรบอลข่านตะวันตก โดยเงินช่วยเหลือเหล่านี้จะถูกจัดสรรให้กับมูลนิธิระดับชาติ ทั้งนี้ ในเรื่องของตัวเลขเงินช่วยเหลือจะพิจารณาในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า 

โซรอสเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในสหภาพยุโรปจากการให้ทุนแก่องค์กรสนับสนุนผู้อพยพและองค์กรสนับสนุนชุมชน LGBTQ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำให้เขากลายเป็นปีศาจในสายตาของชาวฮังการี 

มูลนิธิ Open Society Foundations ของโซรอส ย้ายสำนักงานใหญ่ในกรุงบูดาเปสต์ไปยังกรุงเบอร์ลินในปี 2018 เนื่องจากรัฐบาลฮังการีได้ผ่านกฎหมาย ‘หยุดโซรอส (Stop Soros) ซึ่งระบุว่า การให้ความช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตามถือเป็นอาชญากรรม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โซรอสวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีนออกสื่อมาโดยตลอด และเมื่อปีที่แล้วมหาเศรษฐีสูงอายุรายนี้ได้เรียกร้องให้เปลี่ยนระบอบการปกครองในปักกิ่ง

“การขับไล่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จะขจัดภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สังคมเปิดเผชิญอยู่ทุกวันนี้ และพวกเขาควรทำทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของพวกเขาเพื่อส่งเสริมให้จีนดำเนินไปในทิศทางที่ต้องการ” โซรอส กล่าว

ในช่วงปี 1980 ก่อนการก่อตั้ง OSF โซรอสได้ให้ทุนสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนตะวันตกในจีน ซึ่งปักกิ่งอ้างว่าซีไอเออยู่เบื้องหลังปฏิบัติการในจีนของโซรอส และสั่งปิดองค์กร NGO ของโซรอสทั้งหมดหลังจากการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างผู้ก่อการจลาจลและกองทหารของรัฐบาลที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989

ทั้งนี้ มูลนิธิ Open Society Foundations จะหันมาสนใจเอเชียตะวันออกอีกครั้งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่า อเล็กซ์ โซรอส ลูกชายวัย 37 ปี ของโซรอสจะจัดการกับอาณาจักรที่รับช่วงต่อมาจากบิดาวัย 93 ปีของเขาอย่างไร 

อเล็กซ์ โซรอส ซึ่งเคยออกตัวว่าฝักใฝ่การเมืองมากกว่าพ่อ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า เขาจะยังคงให้เงินสนับสนุนนักการเมืองพรรคเดโมแครต อัยการ และกลุ่มนักเคลื่อนไหว เพื่อป้องกันไม่ให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งในปีหน้า 

“ผมปรารถนาเป็นอย่างมากที่จะนำเอาเงินให้ออกพ้นจากการเมือง แต่ตราบใดที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังทำเรื่องเช่นนี้อยู่ เราก็จำเป็นต้องทำเหมือนกัน” อเล็กซ์ โซรอส กล่าว