พวกเราควรเลิกล้มความฝัน ที่จะยกเลิกการใช้น้ำและก๊าซได้แล้ว และหันมาลงทุนกับพวกมันอย่างเหมาะสม เพื่อให้ตรงต่อความต้องการที่แท้จริงของตลาด
อามิน นัสเซอร์ ซีอีโอของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ Saudi Aramco กล่าวเมื่อวันจันทร์ (18 มี.ค.) ระหว่างการให้สัมภาษณ์แบบกลุ่มที่การประชุมด้านพลังงาน ‘CERAWeek’ ซึ่งจัดขึ้นโดย S&P Global ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯ ว่าการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานกำลังล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัดในเกือบทุกด้าน และผู้กำหนดนโยบายควรเลิกล้มความฝันที่จะยกเลิกการใช้น้ำและก๊าซ และหันมาลงทุนกับพวกมันอย่างเหมาะสม เพื่อให้ตรงต่อความต้องการที่แท้จริงของตลาด เนื่องจากความต้องการเชื้อเพลิงฟอสซิลคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์เมื่อปีที่แล้วว่า อุปสงค์น้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินจะแตะระดับสูงสุดในปี 2030 อย่างไรก็ตาม นัสเซอร์ กล่าวว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงฟอสซิลไม่น่าจะแตะระดับสูงสุดในเร็วๆ นี้ พร้อมกับแนะนำว่า IEA จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนาด้วย แทนที่จะมุ่งความสนใจไปที่อุปสงค์ในสหรัฐฯ และยุโรปเพียงอย่างเดียว
นัสเซอร์ กล่าวต่อไปว่า แหล่งพลังงานทางเลือกไม่สามารถแทนที่ไฮโดรคาร์บอนได้ในวงกว้าง แม้ว่าในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาจะมีการลงทุนด้านพลังงานทางเลือกแล้วกว่า 9.5 ล้านล้านดอลลาร์ (342.91 ล้านล้านบาท) ก็ตาม โดยปัจจุบันพลังงานลมและแสงอาทิตย์คิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่ถึง 4% ของการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่ถึง 3% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก
ขณะที่เชื้อเพลิงฟอสซิลคิดเป็นสัดส่วน 80% ของพลังงานที่ใช้กันทั่วโลก ความต้องการน้ำมันทั่วโลกคาดว่าจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ส่วนก๊าซก็ยังคงเป็นพลังงานสำคัญของโลก โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 70% นับตั้งแต่ต้นศตวรรษ
ในขณะเดียวกัน ประเทศกำลังพัฒนาในโลกซีกโลกใต้จะขับเคลื่อนความต้องการน้ำมันและก๊าซ เนื่องจากความเจริญรุ่งเรืองที่เพิ่มขึ้นในประเทศเหล่านั้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 85% ของประชากรโลก
“เราควรเริ่มใช้แหล่งพลังงานและเทคโนโลยีใหม่ๆ เมื่อทุกอย่างมีความพร้อมอย่างแท้จริง สามารถแข่งขันได้ในเชิงเศรษฐกิจ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม” นัสเซอร์ กล่าว
(1 ดอลลาร์ = 36.10 บาท)