
กรมสรรพากรเล็งประยุกต์ใช้ ChatGPTอำนวยความสะดวกผู้เสียภาษีลดปัญหาข้อโต้แย้งระหว่างกัน
ที่ผ่านมา เมื่อผู้เสียภาษีมีข้อสงสัยสามารถยื่นขอหารือกับเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเป็นลายลักษณ์อักษร และใช้หนังสือดังกล่าวในการอ้างอิงเพื่อการเสียภาษีได้ แต่ในหลายกรณี ผู้เสียภาษีกลับถูกโต้แย้งโดยเจ้าหน้าที่กรม ฯ อีกฝ่ายแจ้งว่าไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดข้อโต้แย้งระหว่างกัน
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่ากรม ฯ จะมีการหารือกับบริษัท ไมโครซอฟท์ จำกัด เพื่อนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) “ChatGPT” เข้ามาใช้งาน เพื่อลดการใช้ดุลพินิจ และข้อโต้แย้งระหว่างผู้เสียภาษีและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร
โดยกรมตั้งเป้าจะบรรจุข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายภาษีทั้งหมด คำพิพากษาศาลเกี่ยวกับภาษี และแนวคำตอบภาษีที่กำหนดไว้ ลงสู่ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ซึ่งเชื่อว่าจะลดปัญหาข้อโต้แย้งดังกล่าวลงได้
นอกจากการประยุกต์ใช้ AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการประชาชนผู้เสียภาษีแล้ว กรมสรรพากรยังได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงกรมให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation) ด้วยการปรับเปลี่ยนระบบที่ต้องใช้กระดาษมาเป็นไฟล์ดิจิทัลทั้งหมด (e-Tax)
ซึ่งจะไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษี ให้สามารถขอรับการบริการได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้นแล้ว ยังจะช่วยให้กรม ฯ สามารถตรวจสอบความผิดปกติได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย
“กรมสรรพากร ได้ปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัล ทรานฟอร์เมชั่นมาตลอด ให้เป็น E-Tax เพื่ออำนวยความสะดวกผู้เสียภาษี และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีด้วย ซึ่งจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายหรือทะลุเป้าได้อย่างแน่นอน”