
ครั้งแรกในประเทศไทย ผลักดันเศรษฐกิจไฮโดรเจน ‘GC’ x ‘BIG’ พัฒนาธุรกิจ-นวัตรกรรมพลังงานสะอาดแห่งอนาคต
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ร่วมกับ บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส หรือ BIG ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Climate Technology Company) และเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition)
ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจในการร่วมผลักดันเศรษฐกิจไฮโดรเจน (Hydrogen Economy) พลังงานเชื้อเพลิงที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2567 สอดรับกลยุทธ์การรับมือกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในอนาคต สร้างความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว
ผ่านการใช้จุดแข็ง และความเชี่ยวชาญ ในธุรกิจด้านไฮโดรเจนและคาร์บอน นำมาต่อยอดและพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่ (Necessity & Opportunity in New Landscape) ของ GC และ BIG ความร่วมมือครั้งนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาและขยายโครงสร้างพื้นฐาน และการกระตุ้นให้เกิดทั้งอุปสงค์และอุปทานตลอดห่วงโซ่ธุรกิจไฮโดรเจนในประเทศไทย ประกอบด้วย
1 การผลิตและการแสวงหานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านไฮโดรเจน
2 โอกาสในการขยายธุรกิจไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำ เพื่อรองรับความต้องการพลังงานเชื้อเพลิงปลอดคาร์บอนในอนาคต อาทิเช่น ในอุตสาหกรรมยานยนต์และธุรกิจการบิน ที่ให้ความสำคัญกับเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF)
นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีขั้นต้นและขั้นกลาง ของ GC กล่าวว่า การใช้ไฮโดรเจนพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต สู่การผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำให้กับผู้บริโภคเพื่อสร้างระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนร่วมกันสอดรับการขับเคลื่อนธุรกิจยั่งยืนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ พร้อมมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ BIG กล่าวว่า BIG เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มุ่งเน้นสร้างความยั่งยืนด้วยการนำเทคโนโลยีไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำมาช่วยแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุมทั้งในภาคขนส่ง อุตสาหกรรม การผลิตไฟฟ้า เป็นต้น
เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับ GC ในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของBIGที่จะสร้างอนาคตที่สะอาด (Generating a Cleaner Future) โดยผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เน้นการลงมือทำอย่างแท้จริง พร้อมกับการพัฒนา Ecosytem
เพื่อประสานความเชี่ยวชาญที่หลากหลายของทั้งสององค์กร เพื่อการสร้างอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับการลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมและประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไปด้วยกัน