News“นโยบายเศรษฐกิจได้(ไม่)คุ้มเสีย ?” ‘เกียรตินาคินภัทร’ วิจารณ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล จ่าย 3.6 % ได้คืนเพียง 1% ได้ไม่คุ้มเสีย ไม่ช่วยอย่างที่หวัง ขาดแผนการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวที่ชัดเจน

“นโยบายเศรษฐกิจได้(ไม่)คุ้มเสีย ?” ‘เกียรตินาคินภัทร’ วิจารณ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล จ่าย 3.6 % ได้คืนเพียง 1% ได้ไม่คุ้มเสีย ไม่ช่วยอย่างที่หวัง ขาดแผนการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวที่ชัดเจน

วันที่ 4 ต.ค. 66 KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร เผยแพร่บทความวิจารณ์แนวนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน ในหัวข้อ “นโยบายเศรษฐกิจได้(ไม่)คุ้มเสีย ? โดยระบุว่า

 

“รัฐบาลใหม่กำลังจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่มากที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์การทำนโยบายไทย คือการแจกเงิน 10,000 บาทให้กับประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งคิดเป็นต้นทุนกว่า 560,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 16% ของงบประมาณและ 3.2% ของ GDP และยังมีมาตรการอุดหนุนด้านราคาอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น การลดค่าไฟ ลดราคาน้ำมันดีเซลขายปลีก เป็นต้น ทำให้เกิดคำถามถึงความเหมาะสมและต้นทุนของนโยบายเหล่านี้”

 

รายงานได้กล่าวถึงบริบททางเศรษฐกิจได้เปลี่ยนไปจากเดิม “ปัจจัยที่เคยเป็นแรงหนุน (tailwinds) กลับ

กลายเป็นแรงต้าน (headwinds) ต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นกว่าเดิม การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างหลายด้านจากทั้งภายนอกประเทศและภายในประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยยากที่จะกลับไปเติบโตในระดับสูงเหมือนก่อน และเผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในอดีต”

 

ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระแสภาวการณ์ย้อนกลับของโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) ที่นำมาซึ่งปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ (Geopolitical Conflicts)  ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย การลงทุนทางตรงระหว่างประเทศมายังไทยก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากขึ้นทั้งเวียดนาม แลอินโดนีเซีย ยังไม่นับรวมข้อจำกัดทางโครงสร้างของไทยด้านอื่น ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งเรื่องโครงสร้างประชากรที่ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างเต็มตัวแล้ว ระดับหนี้สาธารณะในปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก

 

อีกทั้งเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างซึ่งเกิดจากฝั่งอุปทาน มากกว่าปัญหาด้านอุปสงค์ที่เกิดจากวัฏจักรเศรษฐกิจในระยะสั้น การบริโภคและการเติบโตของสินเชื่อในประเทศในช่วงเวลาที่หนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลก ซึ่งรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมหรือป้องกันได้

 

รายงานระบุว่า การแจกเงินและมาตรการกระตุ้นใช้งบ 3.6% ของ GDP แต่กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง 1% เนื่องจากคนส่วนใหญ่จะนำเงินมาซื้อสินค้าที่ต้องใช้เป็นประจำอยู่แล้ว บางส่วนจะซื้อสินค้านำเข้าซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย อีกทั้งอาจมีการนำอุปสงค์ในอนาคตมาใช้ทำให้มีการปรับลดการใช้จ่ายเมื่อโครงการจบลง นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่ไม่ใช่ประชาชนทุกคนที่จะเข้าร่วมและใช้จ่ายเงินทั้งหมด

 

KKP Research ประเมินว่าการทำนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบันยังไม่ตรงจุดโดยเฉพาะการแจกเงินคนทั้งประเทศซึ่งอาจไม่มีความจำเป็นสำหรับบางคนและมีต้นทุนที่สูงเกินไปอย่างไม่คุ้มค่าในขณะที่ภาครัฐขาดแผนการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวที่ชัดเจน” 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า