Newsการกระจายอำนาจให้แต่จังหวัดดูแลงบประมาณของตนเองโดยรัฐส่วนกลางไม่ยุ่งเกี่ยว คือ การสร้างความเหลื่อมล้ำขนานใหญ่ในประเทศ:

การกระจายอำนาจให้แต่จังหวัดดูแลงบประมาณของตนเองโดยรัฐส่วนกลางไม่ยุ่งเกี่ยว คือ การสร้างความเหลื่อมล้ำขนานใหญ่ในประเทศ:

จากกระแสสังคมออนไลน์ส่วนหนึ่งที่มีการกล่าวถึงว่า ส่วนกลางมีอำนาจแบบกระจุกจนเกินไป และมีความต้องการในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิ์ในการจัดการรายได้ท้องถิ่นด้วยตนเองและการไม่ถูกส่วนกลางแทรกแซงเพื่อให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่ ซึ่งได้มองว่า จะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่เมืองใหญ่กับพื้นที่ชนบทและหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ด้วยเหตุที่ท้องถิ่นจะสามารถจัดการการพัฒนาพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยรูปแบบการกระจายอำนาจให้แต่จังหวัดมีอำนาจเด็ดขาดในการดูแลงบประมาณในทางทฤษฎี จะมีลักษณะตั้งแต่การมอบสิทธิ์การจัดการการเงินที่ท้องถิ่นได้รับจากรายได้ในท้องถิ่นโดยตรงด้วยตนเองโดยไม่ต้องส่งรายได้ขึ้นไปที่ส่วนกลางหรือถูกควบคุมการใช้จ่ายโดยส่วนกลาง รวมถึงการนำรายได้ที่ส่วนกลางได้รับจากท้องถิ่นนั้น ๆ เอากลับมาใช้ที่ท้องถิ่นดังกล่าวในจำนวนเต็มหน่วยผ่านกระบวนการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่น หรือแม้แต่กรณีที่ท้องถิ่นจะทำหน้าที่เก็บรายได้ทั้งหมดในนามของท้องถิ่นโดยส่วนกลางจะไม่มีบทบาทในการเข้าถึงหรือควบคุมรายได้ของท้องถิ่นได้เลย เป็นต้น

ซึ่งรูปแบบการกระจายอำนาจในการจัดการงบประมาณท้องถิ่นแบบอิสระไม่ว่าจะแบบบางส่วนหรือทั้งหมด ต่างก็เป็นมุมมองที่สังคมบางส่วนได้นำเสนอในฐานะเครื่องมือการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างท้องถิ่น การยุติการหยิบรายได้ของท้องถิ่นหนึ่งนำมาใส่อีกท้องถิ่นหนึ่งโดยส่วนกลาง หรือแม้แต่การนำรายได้ที่ได้รับในการพัฒนาท้องถิ่นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ซึ่งจะมีความเข้าใจและรู้ปัญหาท้องถิ่นโดยตรงมากกว่าส่วนกลาง โดยทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่บางกลุ่มคนในสังคมมีความพยายามในการเรียกร้องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นโดยใช้ประเด็นของการกระจุกความเจริญและมองว่าเมื่อผลักดันนโยบายนี้อย่างจริงจังนั้นจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในประเทศโดยเฉพาะในเขตเมืองหลวงและเขตชนบท

แต่เมื่อมองลงไปอย่างลึกซึ้งต่อเรื่องนี้นั้น กลับกลายเป็นว่า การให้ท้องถิ่นจัดการตนเองโดยเฉพาะในเรื่องการจัดการรายได้ท้องถิ่นโดยห่างเหินจากการสนับสนุนของส่วนกลางนั้น คือการเพิ่มความเหลื่อมล้ำอย่างร้ายแรงระหว่างพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะระหว่างพื้นที่เขตที่มีรายได้สูงและพื้นที่เขตที่มีรายได้ต่ำ เพราะเมื่อส่วนกลางไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องการจัดสรรรายได้ก็หมายความว่า จะไม่มีการสนับสนุนการจัดสรรให้กับจังหวัดที่มีรายได้น้อยซึ่งเป็นกลไกในการลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่จังหวัดอยู่แล้ว

เหตุผลที่การกระจายอำนาจด้านงบประมาณให้จังหวัดจัดการตนเองโดยที่รัฐส่วนกลางไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวจึงเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำขนานใหญ่ในประเทศก็เพราะว่า หลักการกระจายอำนาจทางการเงินสู่ท้องถิ่นโดยส่วนกลางไม่ได้แทรกแซงนั้นจะใช้ได้กับประเทศที่มีฐานทางเศรษฐกิจในระดับที่ใกล้เคียงกันแทบทุกพื้นที่จังหวัด แต่ประเทศส่วนใหญ่บนโลกกลับมีพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่จำกัดและมักอยู่ในพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลด้วยเหตุเรื่องการคมนาคมและเส้นทางการค้า ซึ่งบทบาทของส่วนกลางของประเทศที่มีอำนาจในการกำกับดูแลจะมีความสำคัญในการกระจายความเจริญจากพื้นที่เศรษฐกิจสู่พื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ ผ่านกลไกต่าง ๆ ซึ่งกลไกงบประมาณคือเครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ภาครัฐใช้ในการกระจายความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจทั่วประเทศผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่โดยรัฐและการออกนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจมหภาค 

ทว่าการลดบทบาทการสนับสนุนหรือบริหารจัดการเงินของส่วนกลางต่อท้องถิ่นโดยไม่มีการวางรากฐานที่มั่นคงนั้น คือ การบั่นทอนกลไกการกระจายความเจริญจากพื้นที่เขตเศรษฐกิจสู่พื้นที่อื่น ๆ โดยตรง เพราะจะขาดกลไกในการทำหน้าที่สนับสนุนทางเศรษฐกิจต่อพื้นที่รายได้ต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรายได้ของพื้นที่รายได้ต่ำเหล่านี้มีน้อยกว่ารายจ่ายนั้น การโยนการจัดการทั้งหมดให้ท้องถิ่นดูแลจึงกลายเป็นฝันร้ายของท้องถิ่นรายได้ต่ำแทบโดยทันทีและเป็นฝันหวานของท้องถิ่นที่มีรายได้มหาศาลโดยทันทีเช่นกัน 

ผลที่ตามมาจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวคือ ในจังหวัดที่มีรายได้สูง ๆ จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จะสามารถกระจุกความมั่งคั่งที่มีอยู่ได้มากกว่าเดิมและสามารถนำรายได้ที่มีอยู่ในการต่อยอดความมั่งคั่งให้เติบโตมากยิ่งขึ้น เพราะในการกระจายอำนาจรูปแบบนี้ ท้องถิ่นจะแบ่งรายได้ให้ส่วนกลางที่จะนำไปบริหารจัดการในสัดส่วนที่น้อยลง รวมทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสนับสนุนท้องถิ่นอื่นด้วย ซึ่งในกรณีของประเทศไทยเองนั้น ก็มีหลายจังหวัดที่มีรายจ่ายมากกว่ารายรับที่มีอยู่ จึงต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐในทุกปี ในขณะที่ก็มีบางจังหวัดที่มีรายรับมากกว่ารายจ่าย ซึ่งในกรณีนี้คือการโดนแบ่งไปสนับสนุนจังหวัดอื่นในรูปแบบของกลไกส่วนกลาง

และเมื่อขาดกลไกนี้ไป จึงกลายเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำขนานใหญ่ให้กับประเทศในรูปแบบของการกระจุกความมั่งคั่งในพื้นที่จังหวัดที่มีกิจกรรมเศรษฐกิจมูลค่าสูง และเมื่อดำเนินไปได้ระยะหนึ่งก็จะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่หลายจังหวัดไม่สามารถเลี้ยงตนเองได้เพราะมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ในขณะที่บางจังหวัดจะสามารถจัดสรรพัฒนาพื้นที่บ้านเกิดให้มีความเจริญและล้ำหน้ากว่าจังหวัดรอบข้างอย่างเห็นได้ชัด 

ถ้านึกไม่ออกก็ให้นึกถึงจังหวัดหนึ่งที่สามารถสร้างทางด่วนและระบบรถไฟฟ้าได้ด้วยตนเองในขณะที่หลายจังหวัดอาจไม่สามารถบำรุงรักษาถนนสองเลนพื้นฐานเพราะมีรายรับไม่เพียงพอกับการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวให้ยังคงใช้การได้ ในฐานะส่วนหนึ่งของสถานการณ์สมมติจากกรณีข้างต้นนี้ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการดำเนินนโยบายการกระจายอำนาจการบริหารงบประมาณท้องถิ่นเต็มสูบโดยขาดความระมัดระวัง

สุดท้ายนี้ การกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นภายใต้การกำกับดูแลของส่วนกลางถือว่าเป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นอย่างเห็นได้ชัดเพราะท้องถิ่นย่อมรู้และเข้าใจปัญหาของตนได้ดีอยู่แล้ว แต่การยกอำนาจการดูแลงบประมาณส่วนใหญ่ให้ท้องถิ่นโดยขาดความระมัดระวัง ละเอียดรอบคอบ และการเตรียมการที่ดี ย่อมเป็นฝันร้ายที่เป็นจริงต่อท้องถิ่นส่วนใหญ่รวมทั้งหลายจังหวัดในประเทศไทยที่มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็จะเป็นการถ่างความเหลื่อมล้ำในประเทศให้กว้างขึ้นไปอีก 

“อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

โดย ชย

อ้างอิง :

[1] รายได้จากการจัดเก็บภาษี พ.ศ.2565 รายจังหวัด

https://govspending.data.go.th/dashboard/7

[2] งบรายจ่าย พ.ศ.2565 รายจังหวัด

https://govspending.data.go.th/dashboard/4#/hash/bb

[3] การจัดสรรงบประมาณจังหวัด และกลุ่มจังหวัด 2565 

https://www.matichon.co.th/columnists/news_3226783 

[4] คนไทยแต่ละจังหวัด ‘จ่ายภาษี’ มากแค่ไหน? ส่องภาษีรายจังหวัดปี 62 คนไทยแต่ละจังหวัด 

https://www.agenda.co.th/social/thai-tax-paying-by-province/ 

[5] คนไทยแต่ละจังหวัด ‘จ่ายภาษี’ มากแค่ไหน? |ส่องภาษีรายจังหวัดปี 63

https://www.agenda.co.th/social/thai-tax-paying-by-province-2020/   



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า