อินโดนีเซียซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม 2 ลำ จากรัฐวิสาหกิจของฝรั่งเศส โดยจะดำเนินการต่อเรือในอินโดนีเซีย หลังสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่จากฝรั่งเศสไปแล้ว 18 ลำ
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2567 สำนักข่าวจาการ์ตาโพสต์ ของอินโดนีเซีย รายงานว่า กองทัพเรืออินโดนีเซียเซ็นสัญญาสั่งซื้อเรือดำน้ำชั้น สกอร์พีน (Scorpène) จากนาวาล กรุ๊ป (Naval Group) รัฐวิสาหกิจของฝรั่งเศสแล้วจำนวน 2 ลำ
เรือดำน้ำทั้ง 2 ลำนี้จะถูกต่อในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังพลประจำการ 31 นาย มีฐานยิงจรวด 6 ฐาน และสามารถบรรจุตอร์ปิโด และขีปนาวุธได้ 18 ลูก มีความสามารถในการดำน้ำต่อเนื่องได้ถึง 12 วัน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องราคา
จาการ์ตาโพตส์รายงานว่า ความแนบแน่นในความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างอินโดนีเซีย และฝรั่งเศส เป็นผลกระทบจากความเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-อังกฤษ-ออสเตรเลีย ที่เรียกว่า “ออคัส (AUKUS)” ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2564 โดยฝรั่งเศสมองอินโดนีเซียเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์รายใหม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ทั้งนี้สำนักข่าวนาวาล นิวส์ (Naval News) สื่อด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนานาชาติจากยุโรป รายงานว่าเรือดำน้ำที่อินโดนีเซียสั่งซื้อไปนั้น ถือเป็นเรือดำน้ำแบบ “สกอร์ฟีน อีโวลด์ (Scorpène Evolved)” ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน มีความสามารถในการออกปฏิบัติการได้ยาวนานถึง 80 วัน และมีรัศมีทำการ 8 พันไมล์ทะเล (14,816 กิโลเมตร) เดินเครื่องเงียบ และมีมูลค่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ (77.04 ล้านล้านบาท)
มีรายงานเพิ่มเติมว่า การก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรออคัสนี้ ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจยกเลิกคำสั่งซื้อเรือดำน้ำจากฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 550 ล้านยูโร (เทียบเท่า 20,691 ล้านบาท ตามมูลค่าในช่วงเวลานั้น) ซึ่งทำให้เกิดแรงตึงเครียดระหว่างออสเตรเลีย และฝรั่งเศส
สำหรับก่อนหน้านี้นั้น กระทรวงกลาโหมของฝรั่งเศสได้เซ็นสัญญาสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ราฟาล์ (Rafale) จำนวน 18 ลำจากฝรั่งเศสอีกด้วย ซึ่งมีกำหนดส่งมอบในช่วงต้นปี 2569 ด้วย