
Blue Carbon และ Green Carbon ที่มีบทบาทสำคัญในวัฏจักรการหมุนเวียนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลก
ปัจจุบันก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถูกกล่าวถึงมากที่สุดว่าเป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน และ เป็นอันตรายต่อมนุษย์หากได้รับในปริมาณมาก “ทั้งที่ความจริงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็ยังมีประโยชน์ในหลายด้านเช่นกัน”
.
คาร์บอนถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการดำรงชีวิต การที่เราจะมุ่งลดและกำจัดคาร์บอนอย่างเดียวคงไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่า “หากไร้คาร์บอนก็ไร้ชีวิต” เพราะมีระบบนิเวศมากมายที่ยังต้องพึ่งพาอยู่การซึมซับคาร์บอนอยู่ การทำให้มันอยู่ในโลกอย่างสมดุลต่างหากที่เป็นทางออกของความยั่งยืน
.
โดยคาร์บอนส่วนเกินที่กำลังเป็นปัญหาของโลกในปัจจุบันส่วนใหญ่มีมนุษย์เป็นต้นเหตุ และเพื่อให้ระบบนิเวศของโลกเกิดความสมดุล การพึ่งพาแหล่งกักเก็บและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติจึงมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีบทบาทที่สำคัญในวัฏจักรการหมุนเวียนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกเช่นกัน
.
ระบบนิเวศหรือแหล่งกักเก็บและดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันมากคือ Blue Carbon และ Green Carbon
.
ท้องทะเล มหาสมุทร – คาร์บอนที่ถูกเก็บเรียกว่า Blue Carbon
ต้นไม้ ป่าไม้ – คาร์บอนที่ถูกเก็บเรียกว่า Green Carbon
.
Green Carbon ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกดูดซับและกักเก็บโดยต้นไม้ การดูดซับคาร์บอนประเภทนี้น่าจะเป็นที่คุ้นเคยของคนทั่วไป ป่าไม้สามารถสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากได้ในระยะเวลาอันสั้น พืชและป่าไม้จึงมีส่วนสำคัญในการหมุนเวียนคาร์บอนบนผืนดิน
.
Blue Carbon ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกดูดซับโดยระบบนิเวศทางทะเล เช่น ป่าชายเลน บึงน้ำเค็ม หญ้าทะเลและสาหร่ายขนาดใหญ่ ช่วยดูดซับคาร์บอนลงไปในผืนดินใต้ทะเลหรือดินเลนชายฝั่ง มหาสมุทรนับเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอัตราส่วนกักเก็บคาร์บอนมากกว่า 50% และเป็นไปได้ว่าอาจมีมากถึง 70% ของคาร์บอนทั้งหมดบนโลก มหาสมุทรจึงเป็นคาร์บอนซิงค์ที่ใหญ่ที่สุด สามารถดูดซับคาร์บอนได้มากถึง 1 ใน 4 ที่มนุษย์ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ
และที่สำคัญ “Blue Carbon สามารถดูดซับคาร์บอนมากกว่าป่าไม้สูงสุดถึง 10 เท่า”
.
กล่าวได้ว่าแหล่งดูดซับและกักเก็บคาร์บอนตามธรรมชาติของโลก ทั้งทางพื้นดินหรือทางทะเล มีส่วนสำคัญในการช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ เพื่อไม่ให้ขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศโลกจนเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ที่ทำให้โลกร้อนขึ้น การอนุรักษ์ และพัฒนาระบบนิเวศทั้ง 2 ด้านจึงเป็นหนึ่งในแนวทางที่สำคัญของการแก้วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมโลกอย่างยั่งยืน