วิเคราะห์สรุปบทบาทของแต่ละพรรค ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เพิ่งผ่านพ้นไป ตลอดจนถึงผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรมของรัฐบาลประยุทธ์ อย่างการได้เลื่อนอันดับเป็น Tier2 ด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์

เป็นอันว่าคุณประยุทธ์และคณะอยู่เป็นรัฐบาลต่อไป การลงคะแนนเสียงในสภาไม่สามารถทำอะไรคุณประยุทธ์ได้ แต่สั่นคลอนความเป็นไปในพรรคร่วมรัฐบาลได้มากทีเดียว

พลังประชารัฐ มีปัญหาภายในค่อนข้างมาก ทำให้คุณประยุทธ์ถูกรุกไปยังจุดที่ลำบากใจอีกครั้ง ส่วนประชาธิปัตย์ ได้รับผลกระทบตามมาไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน ขณะที่ภูมิใจไทยกลับพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ธรรมดา แน่นปึ้กด้วยเสียงสนับสนุนที่เป็นเอกภาพ จนทำให้โฟกัสจับจ้องว่านี่คือพรรคที่เป็นปัจจัยตัดสินการ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ในปีหน้า

—

 พลังประชารัฐไม่สามารถปฏิเสธความขัดแย้งภายใน ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถปฏิเสธกระแสความไม่พอใจที่มีต่อคุณอนุพงษ์ในฐานะ มท.1 ที่มีความหมายต่อการหาเสียงและการได้ใจชาวบ้านในพื้นที่ รวมทั้งผลประโยชน์ของนักการเมือง

กลุ่มปากน้ำสามารถทำหน้าที่แสดงออกท่าทีทางการเมืองแทนกลุ่มอื่นๆ ในพลังประชารัฐ จนคุณประวิตรต้องรีบไปพูดคุยถึงถิ่นปากน้ำ เพื่อแก้ปัญหาและส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มอื่น

ถามว่า ส.ส.พลังประชารัฐต้องการอะไร คำตอบก็คือต้องการ ให้คุณประวิตรเป็น มท.1 ส่วนคุณอนุพงษ์จะไปอยู่ที่ไหน ไม่ใช่เรื่องที่ ส.ส.มีเงื่อนไข จะไปเป็นรัฐมนตรีที่ไหนก็ได้ คุณประวิตรว่าอย่างไรเรื่องนี้ ดูท่าทีแล้วก็พร้อมเป็น มท.1 เพียงแต่ไม่แสดงออก

แล้วคุณประยุทธ์ว่าอย่างไร? ถ้าเลือกได้คงไม่อยากทำลายจิตใจคุณอนุพงษ์ และนิสัยไม่ชอบให้ใครมากดดัน ยิ่งบีบมากยิ่งไม่ยอม แต่เหตุผลทางการเมืองอาจบังคับให้จำเป็นต้องทำ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปต่อหรือไม่ ถ้าไม่ไปต่อก็ไม่ต้องสนใจอะไร เดินไปแบบที่อยากเดิน แต่ถ้าจะไปต่อ ก็ต้องนำเหตุผลทางการเมืองมาคิดประกอบ รอดูคุณประยุทธ์ตัดสินใจ

—

ประชาธิปัตย์ก็มีร้าวลึกอยู่ภายใน รอยร้าวนี้มีมาตั้งแต่คุณจุรินทร์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค แกนนำชื่อดังลาออกจากพรรคไปหลายคน ผู้นำที่มีบารมีเหลือแต่คุณชวนเพียงคนเดียว คะแนนเสียงที่ได้จากการอภิปรายครั้งนี้เป็นจุดอ่อนของผู้นำประชาธิปัตย์เป็นอย่างยิ่ง

ถ้าจะเรียกความเกรียงไกรในยุครุ่งเรืองกลับมาคงต้องปรับกระบวนภายในพรรคอย่างจริงจัง มิฉะนั้นแล้ว ภูมิใจไทยจะแซงหน้ากลายเป็นพรรคใหญ่ที่มีอำนาจต่อรองเหนือประชาธิปัตย์ และถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาธิปัตย์จะตกอยู่ในสภาพขาลงที่วิกฤตที่สุด

—

 ผิดหวังกับก้าวไกล การแสดงในสภาเที่ยวนี้เหมือนเด็กที่ไม่ยอมโต ไม่มีวุฒิภาวะ อภิปรายเอาสนุกเอามัน ให้ดูว่าแน่ มาใหญ่แบบไม่กลัวใคร ยิ่งมาถึงฉากตอนจบ วางดอกไม้จันทร์ อันนี้ถือเป็นการกระทำที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้อะไรควรไม่ควร คิดแต่เพียงความสะใจ

ซึ่งอาจสะใจกองเชียร์ แต่คนทั่วไปที่เขาอยากฝากความหวังไว้กับการเมืองวิถีใหม่ นักการเมืองรุ่นใหม่ คงไม่สนุกด้วยหรือเห็นดีเห็นงามด้วย ทั้งรู้สึกผิดหวังเอาเสียจริงๆ ที่คนรุ่นใหม่ คนที่ถูกมองว่าเป็นน้ำดี ทางการเมือง สุดท้ายก็คิดและทำอะไรแบบเดิมๆ

ชวนคิดต่อไปอีกว่าแล้วบ้านเมืองเราในอนาคตจะตกอยู่ภายใต้การดูแลของนักการเมืองที่เป็นเด็กแบบนี้หรือ ควรรับเอาความคิดเห็นในอีกด้านหนึ่งมา ไตร่ตรองดูบ้าง เพราะยังพอมีเวลา ทบทวนบทบาท ส่วนดีก็มี ส่วนเสียก็มี แต่ส่วนเสียเมื่อทำไปแล้ว มักกลบส่วนดีให้หมดไป

โลกยุคสมัยนี้ ไม่สามารถละเลยคนรุ่นใหม่ พลังและความคิดริเริ่มของพวกเขามีมากเหลือเฟือ ถ้านำมาใช้ในการดูแลพัฒนาบ้านเมือง มีหรือประเทศไทยเราจะไม่เจริญ

—

มีเรื่องดีที่น่าจะทำให้ไทยได้รับความเชื่อถือมากขึ้นในระดับโลก คือสหรัฐฯ ขยับอันดับสถานะของไทยด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ขึ้นเป็นอันดับ Tier 2

แปลความว่าเป็นประเทศที่มีการดำเนินการยังไม่สอดคล้องกับมาตรฐานทางกฎหมายการค้ามนุษย์ของสหรัฐ แต่แสดงให้เห็นถึงความพยายามแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์

อันดับดีขึ้นจากปี 64 ที่ไทยอยู่ในอันดับ Tier 2 Watch List ถ้าถามว่า มีกี่อันดับก็ต้องบอกว่ามี 4 อันดับ Tier 1 ดีที่สุด Tier 2 จัดว่าดี Tier 2 Watch List ถือว่าแย่ Tier 3 แย่ที่สุด

หลายคนสงสัยว่า อันดับเหล่านี้สำคัญแค่ไหน ทำไมหลายประเทศต้องให้ความสำคัญ ต้องบอกว่า เอกชนสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกต่างๆ จะใช้เกณฑ์นี้ในการพิจารณานำเข้าสินค้าจากประเทศนั้นๆ หากประเทศไหนอยู่ในอันดับที่แย่ ก็จะถูกพิจารณาจำกัดโควตานำเข้าสินค้าที่ถูกระบุว่าใช้แรงงานมนุษย์หรือขึ้นภาษีนำเข้า หรือยกเลิกการนำเข้าสินค้านั้นๆ เลยทีเดียว

ซึ่งจะทำให้ประเทศนั้นๆ สูญเสียรายได้จำนวนมหาศาลจนกว่าจะได้รับการปรับอันดับให้ขึ้นมาดีกว่าเดิมซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย

—

ไทยอยู่อันดับ Tier 2 เช่นเดียวกับลาว ถือว่ามีอันดับที่ดีกว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน

กัมพูชา เวียดนาม บรูไน ถูกปรับลงมาอยู่อันดับ Tier 3 ร่วมกับ เมียนมาร์ มาเลเซีย อันดับ Tier 2 Watch List มีอินโดนีเซีย ส่วนอันดับ Tier 1 คือสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์

เช่นเดียวกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรป หน่วยงานสหรัฐฯ ร่วมกับหลายหน่วยงานโดยเฉพาะร่วมมือกับองค์กร NGO ต่างๆ ออกเก็บข้อมูลต่อเนื่องตลอดทั้งปีมาจัดอันดับและประกาศรายงานผลในทุกปี เพื่อเป็นคู่มือให้ภาคส่วนต่างๆ ของสหรัฐฯ นำไปพิจารณาก่อนที่จะเข้ามาทำธุรกิจติดต่อกับประเทศนั้นๆ

บางประเทศแสดงความพอใจ หลายประเทศแสดงความไม่พอใจ แล้วแต่จะประเมินว่าตนเองเสียภาพลักษณ์และเศรษฐกิจจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน

—

 ที่สำคัญต้องให้เครดิตกับคุณ อภิญญา ทาจิตต์ จากศูนย์อภิบาลผู้เดินทางจากทะเล จ.จันทบุรี ซึ่งเป็น NGO ที่ร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลไทย ในการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์จากแรงงานประมงและแรงงานเด็ก มาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 7 ปี

มีแรงบันดาลใจจากความต้องการช่วยเหลือทุกคนให้พ้นทุกข์ที่ได้รับ เป็นการทำความดีด้วยหัวใจจริง ๆ โดยไม่ได้หวังชื่อเสียงหรือผลตอบแทนใด มีแรงงานทั้งคนไทยและต่างชาติได้รับการช่วยเหลือมากมาย เป็นสะพานที่สร้างความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ กับไทยเป็นอย่างดี

จนได้รับการยกย่องจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ถึงกับมอบรางวัล TIP Heros 2022 ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อทั่วโลก

ซี่งปีนี้มีแค่ 6 คนจากทั้งโลกเท่านั้นที่ได้รางวัลนี้ ถือเป็นบุคคลตัวอย่างมุ่งปฏิบัติทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแท้จริง แตกต่างจาก NGO ต่างประเทศบางแห่งที่คอยแต่มุ่งจับผิดหวังยอดเงินอุดหนุน ไม่ได้สร้างประโยชน์ใดๆ ให้เห็น

—

 คงต้องย้อนกลับไปดูว่า ก่อนรัฐบาลประยุทธ์เข้ามา ไทยอยู่อันดับใดมาก่อน ตั้งแต่ปี 54-56 ไทยถูกจัดอยู่อันดับ Tier 2 Watch List จนถึงปี 57 ตกมาที่อันดับ Tier 3

ประเด็นที่ต้องนำมาคิดคือ ปัจจัยอะไรที่ทำให้ไทยได้ปรับอันดับดีขึ้นนอกจากในรายงานที่สหรัฐฯ ยกย่องไทยว่า มีความคืบหน้าจัดทำกลไกใหม่ ๆ ได้แค่ ข้อกฎหมายเร่งรัดดำเนินคดีผู้กระทำผิด ตั้งศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อ สนับสนุนการทำงานของ NGO แม้ว่าจะมีข้อจำกัดเรื่องการระบาดของโควิด 19 ก็ตาม

ทั้งหมดเป็นผลงานที่เห็นเป็นรูปธรรมของรัฐบาลประยุทธ์

แต่สิ่งที่สะท้อนให้รู้สึกได้ คือความตั้งใจอย่างแน่วแน่ของรัฐบาลชุดนี้ที่ให้ความสำคัญกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ แก้ปัญหาต่อเนื่องแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเร่งรัดผลักดันกฎหมายต่างๆ ปรับกระบวนการพิจารณาคดีให้รวดเร็ว ลงโทษผู้กระทำผิดไม่ละเว้นแม้จะเป็นคนของรัฐ ช่วยเหลือ ฟื้นฟูเหยื่อ ให้การศึกษากลุ่มเสี่ยง

สร้างช่องทางทำงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ฝ่ายต่างประเทศรวมทั้ง NGO ต่างๆ ความทุ่มเท ความจริงจังอันเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จที่ได้มา

—

 มั่นใจได้ว่า รัฐบาลคงไม่หยุดอยู่แค่นี้ แต่จะพยายามทำให้ไทยได้รับการจัดอันดับให้สูงขึ้นเป็นอันดับ Tier 1 ซึ่งยังไม่เคยได้มาก่อน ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หลังจากนี้ ไทยจะกลายเป็นพื้นที่ดึงดูดให้แรงงานจากประเทศรอบบ้านและประเทศต่าง ๆ เข้ามาแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า ด้วยมาตรฐานการดูแลที่ได้รับการรับรองจากสหรัฐฯ

ส่วนที่ใครจะกล่าวหาว่ารัฐบาลขาดการเอาใจใส่ดูแลเรื่องการค้ามนุษย์ คงต้องเอารายงานฉบับนี้ให้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันหรือกลุ่มคนต่างชาติที่คอยแต่กล่าวหาให้ร้ายเพียงอย่างเดียว

#thestructure #herewego #รัฐบาล #อภิปรายไม่ไว้วางใจ #/ฝ่ายค้าน #tier2 #การปราบปรามค้ามนุษย์