Here We Go (7)
การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เป็น highlight ของการเมืองช่วงนี้ ไม่มีใครไม่พูดถึง แม้จะเป็นสนามเล็ก แต่เป็นสนามเล็กที่ชี้อนาคตของสนามใหญ่ในวันหน้า ชัชชาติ สุชัชวีร์ อัศวิน สกลธี วิโรจน์ สิธา ๑ ใน ๖ ชื่อนี้น่าจะเข้าป้ายได้เป็นผู้ว่า กทม. แน่นอน ไม่มีผิดไปจากนี้ แต่ละคนมีกองหนุนที่ทรงพลัง มีปัจจัยส่งเสริมเกื้อหนุนที่มิอาจมองข้าม มีฐานคะแนนเสียงในหลากหลายกลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
ชัชชาติเต็ง ๑ มาโดยตลอด ยังไม่แผ่ว ทักษิณและเพื่อไทยยืนทะมึนอยู่ข้างหลัง ชัชชาติบินไปหาทักษิณอย่างน้อย ๒ รอบ เพื่อขอไฟเขียว แล้วก็ได้รับไฟเขียวเป็นที่เรียบร้อย จึงไม่แปลกใจว่าทำไมพรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัคร แต่ทักษิณขอปันประโยชน์ อย่างแรกให้ ส.ก.เพื่อไทยได้ยืนข้างๆ อิงชัชชาติเวลาหาเสียงด้วยก็แล้วกัน เรียกว่าแบ่งปันคะแนน เป็นพันธมิตร อย่างที่สองถ้าได้เป็นผู้ว่า กทม. อย่าลืมเลือกตั้งทั่วไปใน กทม. ชัชชาติต้องรู้หน้าที่ว่าต้องทำตัวอย่างไรให้ประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐสูญพันธุ์หรือเกือบสูญพันธุ์ ส่วนสุชัชวีร์หรือพี่เอ้ ครีเอทีฟตัวพ่อ ผู้มีเทคนิคคาดไม่ถึงหลากหลายรูปแบบ เป็นความหวังของประชาธิปัตย์ที่จะกู้ความนิยมใน กทม.กลับคืนมา แต่ดูแล้วไม่ง่าย มาดูคนชื่ออัศวิน คนสงสัยว่าพลังประชารัฐอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า มีคนฟันธงว่า พปชร.หนุนแน่ มากหรือน้อยเท่านั้น รอดูว่าผลงานเก่าจะช่วยอุ้มชูให้กลับทำเนียบเสาชิงช้าได้หรือไม่ มาถึงคนหนุ่มไฟแรง สกลธี มาตัวคนเดียว มีลุงกำนันช่วยเชียร์ คำว่า กปปส.ยังมีมนต์ขลังอยู่หรือเปล่า เดาใจอดีต กปปส. ในกรุงเทพยากจัง สามคนหลังนี้คะแนนเสียงอยู่ในกลุ่มคนเดียวกัน ตัดคะแนนกันเองแน่ๆ ส่วนวิโรจน์แห่งก้าวไกล ลีลาการหาเสียงก้าวร้าว ลุยเพื่อให้ถูกจริตคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มที่เพิ่งมีสิทธิ์ลงคะแนนเป็นครั้งแรก แต่ไม่ถูกใจคนวัยผู้ใหญ่ คนสุดท้าย สิธา คนของคุณหญิงหน่อย บารมีและความนิยมของคุณหญิงจะแปลงเป็นคะแนนเสียงได้หรือไม่ ยังเป็นโจทย์ใหญ่
ไปฟังคนกรุงเทพเขาคุยกัน มีหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะพูดคล้ายๆ กัน เลือกลำบาก ไม่รู้จะเลือกใครดี อยากเลือกคนนี้ แต่รู้ว่าเลือกไปก็เท่านั้น แพ้แน่นอน คนกรุงเทพจึงอาจจะไม่เลือกเพราะชอบ แต่เลือกเพื่อชนะมากกว่า ความรู้สึกเช่นนี้สำคัญ เพราะจะกลายเป็นปัจจัยตัดสินผลเลือกตั้งได้ ดังนั้นผลคราวนี้อยู่ที่กลยุทธ์โค้งสุดท้ายก่อนเข้าทางตรง ถ้าจำได้คุณชายสุขุมพันธุ์ชนะเป็นผู้ว่า กทม. ด้วยกลยุทธ์ในโค้งสุดท้าย
มีเรื่องไกลตัวเรื่องหนึ่งแต่ต่อไปอาจกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวก็ได้ เมื่อวันที่ 1 เมษายน ประธานาธิบดีไบเดนเสนอชื่อนายโรเบิร์ต แฟรงค์ โกเดค (Robert Frank Godec) มาเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย คนๆ นี้ปัจจุบันเป็น ผช.รมต.ต่างประเทศสหรัฐด้านแอฟริกา เคยเป็นทูตที่ประเทศตูนีเชียและเคนยาเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่มีวีรกรรมที่สำคัญเมื่อครั้งเป็นทูตที่ตูนีเซีย ว่ากันว่าโทรเลขของท่านทูตโกเดคในช่วงปี 2008 – 2009 มีอิทธิฤทธิ์ถึงขั้นสามารถกระพือไฟปฏิวัติตูนีเซียให้ลุกโชน จนเกิดการปฏิวัติเมื่อเดือนธันวาคม 2010 และประธานาธิบดีต้องบินหนีออกนอกประเทศในเดือนมกราคม 2011 หวังว่าหากท่านทูตได้มาอยู่ประเทศไทยแล้ว คงไม่ทำให้ไทยเป็นเหมือนตูนีเซียนะ
น่าจะเป็นข่าวดีรับเดือนเมษายน เพราะ 3 วันที่มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 2 เมษายน ผู้แทนรัฐบาลไทยกับขบวนการ BRN ที่เป็นแกนนำก่อความไม่สงบในชายแดนใต้ ได้เจรจากันเป็นรอบที่ 4 และบรรลุข้อตกลงสำคัญที่จะยุติความรุนแรงในช่วงถือศีลอดเดือนรอมฎอน ระหว่างวันที่ 3 เมษายน ถึง 14 พฤษภาคม 2565 ซึ่งหมายความว่า BRN และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะไม่มีการปฏิบัติการทางทหารต่อกัน ว่ากันว่าเป็นก้าวแรกของการสร้างสันติสุขใน จชต. เพื่อสร้างบรรยากาศ “ความริเริ่มรอมฎอนสันติสุข” ปูทางไปสู่การแสวงหาทางออกทางการเมือง ถ้าในช่วง 1 เดือนกว่าๆ นี้ ไม่มีเสียงปืน ไม่มีเสียงระเบิด ไม่มีการเผา เกิดขึ้น จะเป็นความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
การพูดคุยเกิดขึ้นทั้งในที่ลับและที่แจ้งไม่น้อยกว่า 15 ปีมาแล้ว ไปคุยกันมาหลายที่หลายแห่งในยุโรปก็มี ในเอเชีย และอาเซียนก็มี เปลี่ยนหน้าคนพูดคุยมาหลายคนหลายคณะทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายขบวนการ กว่าจะทำให้ BRN ตัวจริงเสียงจริง เป็นสายทหารที่แข็งแกร่งที่สุดยินยอมออกจากที่มืดมาร่วมโต๊ะพูดคุยได้ก็เพิ่งทำสำเร็จในยุคลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีนี่เอง ปัจจัยแห่งความก้าวหน้าครั้งนี้อยู่ที่สามารถทำให้การสร้างความไว้วางใจประสบความสำเร็จ การได้พูดคุยกันบ่อยครั้ง คุยแบบวงเล็กบ้างวงใหญ่บ้าง มีคนกลางแอบไปช่วยคุยบ้าง ที่สำคัญมีคนกลางอย่างมาเลเซียช่วยเหลือ มาเลเซียรู้ดีว่าถ้า จชต.ไม่สงบ มาเลเซียก็ไม่มีสันติสุขด้วย เพราะรู้กันอยู่ว่านักรบ BRN หลบอยู่ในมาเลเซีย วันดีคืนดีก็ข้ามมาจากมาเลเซียพร้อมปืนและระเบิด ก่อเหตุใน จชต.บ้านเรา แล้วก็ข้ามกลับไปหลบซ่อน ปฏิเสธอย่างไรก็ไม่ได้ สู้มาร่วมมือช่วยเหลือกันดีกว่า ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ โดยเฉพาะประชาชนไม่ว่านับถือศาสนาใดได้ประโยชน์ทั้งสิ้น สงครามและความรุนแรงไม่ทำให้ผู้คนมีความสุข เพียงแค่อาจทำให้บางคนมีอำนาจเท่านั้น มีข่าวว่าทั้งสองฝ่ายตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลการลดความรุนแรงและเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง ต้องขอร้องให้ช่วยกันระวังมือที่สาม มือที่เสียประโยชน์จากความสงบ ระวังพวกค้ายาเสพติด ค้าน้ำมันเถื่อน สินค้าหนีภาษี จะฉวยโอกาสสวมรอยในเดือนรอมฎอน ทำมาหากินกับสิ่งผิดกฎหมาย ก่อเหตุรุนแรง เพื่อล้มความสำเร็จครั้งนี้
โดย : แกงส้ม