
คดีทุจริตในวงราชการที่ผุดเหมือนดอกเห็ด โค้งสุดท้ายที่ท้าทายของคุณประยุทธ์ และ กรณีเยาวชนอดข้าวเพื่อกดดันให้ยกเลิก 112
———–
คดีทุจริตในวงราชการที่ผุดเหมือนดอกเห็ด
———–
น่าเห็นใจที่สุดตอนนี้ หนีไม่พ้นบรรดาหัวหน้าเหล่าทัพและตำรวจที่ต้องออกมาชี้แจงเรื่องความไม่ซื่อของการทำหน้าที่ของลูกน้องเป็นรายวัน
ตำรวจจะโดนมากหน่อย มีต่อเนื่องมานับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคดีตู้ห่าว คดีบุกค้นบ้านอดีตกงสุลใหญ่นาอูรูประจำไทย คดีมีส่วนร่วมเปิดเว็บพนันออนไลน์ คดีตำรวจท่องเที่ยวมีขบวนการรับเงินนักท่องเที่ยวอำนวยความสะดวก หรือทหารเรือมีเรื่องถูกกล่าวหาทุจริตซ่อมเรือหลวงสุโขทัยจนเป็นหนึ่งในสาเหตุให้เรือจม คดีโกงเงินสวัสดิการไฟฟ้า
ล่าสุดทหารอากาศมีการแฉเรื่องเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงบินกลางคืน แต่ไม่ได้บินจริงของกองบินสุราษฎร์ธานีโดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคก้าวไกล ดูราวกับว่าการทุจริตเกิดในทุกหย่อมหญ้าของตำรวจและเหล่าทัพ สะท้อนไปได้ว่าผู้บังคับบัญชาไม่ได้ให้ความสำคัญ ปล่อยปละละเลย
การกล่าวหาทั้งหมดคงต้องมีการสืบเสาะหาข้อมูลว่ามีความเป็นจริงตามที่ร้องเรียนกันมาหรือเปล่า แต่ก็น่าสนใจว่าข้อมูลข้อกล่าวหาที่ทยอยออกมามักจะผ่านมาทางคนที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ เช่น ผ่านมาทางทนายความที่เป็น influencer ในโลกโซเชียล ผ่านอดีตนักการเมืองจอมแฉ ผ่านผู้สมัคร ส.ส.ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
มันบ่งบอกว่าระบบหรือกลไกตรวจสอบที่อยู่ในภาครัฐเหมือนไร้ประสิทธิภาพ หรือไม่ก็ไม่สามารถใช้เป็นที่พึ่งพาได้ จนต้องออกมาร้องต่อสาธารณชน ให้สังคมให้สื่อมวลชนช่วยบีบช่วยตามให้ด้วย
ซึ่งหากเป็นจริงก็มองได้อีกมุมว่า ยังมีคนดีอีกมากในเหล่าทัพที่เขาไม่ชอบเรื่องการทุจริตจึงต้องส่งข้อมูลมาให้ช่วย อย่างไรก็แล้วแต่ประเด็นเรื่องเหล่านี้เหมือนกับเป็นการโหมโรง ก่อนที่จะถูกบรรดานักการเมืองนำไปตั้งคำถาม นำไปอภิปรายเปิดแผลคนในรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งก็ไม่พ้นที่จะต้องพุ่งไปที่คุณประยุทธ์ในฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ไปลดทอนภาพความเชื่อมั่นของกองทัพ ลดทอนภาพของความซื่อสัตย์สุจริตของคุณประยุทธ์ ลดทอนภาพของความอ่อนแอในการบริหารจัดการเรื่องทุจริตของรัฐบาลที่อยู่มานานถึง 8 ปี
———–
เทียบกับการปราบคอรัปชั่นของจีน/เวียดนาม
———–
ยุคนี้ผู้นำหลายประเทศเอาจริงเอาจังกับการปราบทุจริตในวงราชการ ไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลใด แต่จะไดัรับการสนับสนุนจากประชาชนในวงกว้าง คนส่วนใหญ่ไม่ชอบให้ใครมาโกงหรือปล้นเงินของตัวเองทั้งที่ข้าราชการมีหน้าที่ที่ต้องดูแลประชาชน
ยกตัวอย่างประเทศจีน คุณสี จิ้นผิง ประกาศนโยบายกวาดล้างคอรัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามามีอำนาจและทำอย่างเด็ดขาดมาตลอด ไม่ว่าข้าราชการระดับสูงของรัฐบาล ของมณฑล ของพรรคคอมมิวนิสต์ ทั้งในประเทศและที่ทำงานอยู่นอกประเทศ ใช้การสืบสวนหาหลักฐานต่อเนื่อง จับกุม ตัดสินลงโทษอย่างเด็ดขาด
คุณสี จิ้นผิง มีเป้าหมายที่ต้องการให้จีนเป็นชาติอภิมหาอำนาจทัดเทียมกับประเทศสหรัฐและประเทศในกลุ่มยุโรป แต่คุณสีได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของจีนและพบว่าสาเหตุที่ทำให้จีนไม่สามารถเติบโตได้ เพราะยุคนั้นมีกังฉินเกาะกินประเทศอยู่มาก ทำให้ประชาชนยากจน คนอ่อนแอ บ้านเมืองตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติมาตลอด
ผลการทำงานของคุณสี ทำให้ได้รับการสรรเสริญจากประชาชนชาวจีน พร้อมกับสนับสนุนให้คุณสีต่ออายุการเป็นผู้นำประเทศได้อย่างไม่มีระยะเวลาจำกัด เรียกว่าเป็นผู้นำสูงสุดตลอดกาล ไม่ว่าจะถูกโจมตีว่าที่ทำไปเพื่อต้องการกระชับอำนาจนำพวกพวกตนเองขึ้นมาเป็นใหญ่ แต่ประชาชนก็ให้การสนับสนุน
เวียดนามเป็นอีกประเทศหนึ่งที่เอาจริงเอาจัง ล่าสุดคุณเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนามได้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นานเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาการทุจริตของรองนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน รวมทั้งรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เคยร่วมรัฐบาลกับคุณเหวียน ถูกดำเนินคดีข้อหาคอรัปชั่น
บ้างก็ว่าเป็นไปตามแรงกดดันของเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ถือว่าทรงอิทธิพลที่สุด ต้องการให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเลขาธิการพรรคประกาศที่จะจัดการพวกทุจริตคอรัปชั่นเช่นเดียวกับที่จีนดำเนินการ
แม้ว่าก่อนหน้านี้คุณเหวียน จะมีผลงานโดดเด่นเรื่องการผลักดันให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจเหนือชาติใดๆ ในอาเซียน รวมถึงความโดดเด่นในการจัดการการแพร่ระบาดของโควิด 19 จนทั่วโลกยกย่อง เข้าทำนองมีผลงานดีแค่ไหน แต่ถ้าคนของตนคอรัปชั่นก็ไม่พ้นความรับผิดชอบเช่นกัน
เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากนอกประเทศจะหายไปทันที ไม่มีใครอยากไปลงทุนหรือเข้าไปทำการค้ากับประเทศที่มีนักการเมืองหรือข้าราชการคอรัปชั่น
———–
โค้งสุดท้ายที่ท้าทายของคุณประยุทธ์
———–
ที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อที่จะบอกว่าตอนนี้ถึงจังหวะเวลาดี ที่คุณประยุทธ์จะใช้ความจริงจังในการจัดการลงโทษ ปรับระบบกระบวนการยุติธรรม ขจัดปัญหาคอรัปชั่นในวงราชการให้เบาบางลงบ้าง ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไร ปล่อยให้กระบวนการตามกฎหมายดำเนินไปตามขั้นตอนเรื่อยๆ ไปไม่ได้อีก
ยิ่งตอนนี้ไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว ผลงานดีๆ ที่ทำมาตลอด 8 ปี กำลังถูกกลบด้วยคดีคอรัปชั่นในวงราชการที่กำลังถูกนำมาตีแผ่ผ่านสื่อทุกวัน แต่ในขณะเดียวกันหากคุณประยุทธ์ใช้อำนาจที่มีทำอย่างเด็ดขาด มั่นใจได้เลยว่าจะสามารถเรียกพลังศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมาได้อย่างท่วมท้นเช่นกัน
———–
กรณีเยาวชนอดข้าวเพื่อกดดันให้ยกเลิก 112
———–
ปิดท้ายอาทิตย์นี้ ขอพูดเรื่องเด็กสองคนที่เข้าไปอดน้ำอดข้าวในเรือนจำ จนร่างกายมีสภาพอิดโรยอ่อนล้า ไม่ยอมรับยารับน้ำเกลือ กองเชียร์ข้างนอกก็พากันยกย่องสรรเสริญ ยุยงให้อดน้ำอดข้าวต่อห้ามหยุด เพื่อนๆ ครูบาอาจารย์จะสนับสนุนทุกทางเพื่อให้ข้อเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะศาล ยกเลิกมาตรา 112 รวมทั้งให้ประกันผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ทั้งหมดออกจากเรือนจำ
แต่ที่อาจารย์เหล่านั้นไม่ได้ทำด้วยคือร่วมอดน้ำอดข้าว ดูเหมือนยินดีปล่อยให้เด็กน้อยสองคนแสดงความกล้าหาญชาญชัยตามลำพัง ปัจจุบันเด็กสองคนถูกส่งจากเรือนจำราชทัณฑ์ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์
———–
ทำไมคนส่วนใหญ่มีปัญหากับ ม.112 ?
———–
คำถามคือ เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร ทุกฝ่ายตระหนักดีอยู่แล้ว บ้านเมืองต้องปกครองด้วยกฎหมาย ปกครองอย่างเป็นธรรมตามหลักกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครกระทำความผิดข้อหาใด ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม
ตำรวจ อัยการ ศาล มีอำนาจและหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกคน มีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน และสุดท้ายศาลท่านพิจารณาคดีตามพยานหลักฐานในทุกขั้นตอนของกระบวนการดำเนินคดี
สำนวนการสอบสวนว่าอย่างไร การแก้ต่างของผู้ต้องหาหรือจำเลยเป็นอย่างไร ศาลท่านอ่าน รับฟัง และพิจารณาไปตามข้อเท็จของทุกฝ่ายที่นำมาแสดง
นี่คือความเป็นธรรมทางกฎหมาย เราไม่สามารถอ้างเอาเหตุใดเหตุหนึ่งมาเป็นข้ออ้างที่จะกระทำความผิด เหมือนบางคน บางกลุ่มพยายามอ้างว่ากฎหมายไม่เป็นธรรม
คำตอบง่ายคือ ถ้ากฎหมายไม่เป็นธรรม คนส่วนใหญ่ต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกฎหมายข้อนั้น แต่ความผิดตามมาตรา 112 กลับมีคนเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ไปกระทำความผิด ขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเขาไม่ได้กระทำกัน
และเมื่อทำผิดแล้วถูกดำเนินคดี ก็ไปเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมาย ยกเลิกคำวินิจฉัยของศาล ที่แย่ยิ่งกว่านั้น เมื่อศาลไม่ทำตามที่ตัวเองเรียกร้องก็กล่าวหาศาลว่าไม่ยุติธรรม ศาลถูกแทรกแซง ต้องปฏิรูป
คนส่วนใหญ่เขามองดูด้วยความฉงนสงสัย มองดูด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งสงสัยอาจารย์บางคนของเด็กพวกนี้ ที่ปั่นอยู่ในโซเชียล เช่น พูดว่า “เยาวชนสองคนเอาสุขภาพชีวิตตนเองเป็นเดิมพันเพื่อกระตุกสังคมไทย ให้คิดตัดสินใจ กล้าเลือก ละสิ่งผิด ทำสิ่งถูกต้อง”
อาจารย์และเด็กๆ หลายคนกำลังทำผิด หรือ สังคมไทย คนไทยส่วนใหญ่กำลังทำผิด ทำไมชี้ทางผิดๆ ให้เด็กๆ เหล่านั้น ชี้ทางให้พวกเขาเดินไปในทางที่ชีวิตล่มสลาย แต่อาจารย์กลับมีชีวิตที่มั่นคงสะดวกสบาย มีเงินจากการสอน มีรายได้จากงานวิจัย มีเครือข่ายช่วยกันหาสิทธิประโยชน์ส่วนตัวจากงานวิชาการ
บ้านเมืองเป็นแบบนี้จึงไม่แปลกใจว่า ที่สุดแล้วการเลือกตั้งครั้งหน้าพลังเงียบก็จะออกมาแสดงพลังให้เห็นอีกครั้ง เหมือนเมื่อปี 2562 ที่เขาเลือกคนที่เขามั่นใจว่าจะกล้ายืนหยัดสู้กับความคิดวิบัติ ที่จะพาสังคมและบ้านเมืองไปสู่ยุคของความขัดแย้งที่ยิ่งกว่า มีคนไทยจำนวนมากคิดเช่นนี้
#TheStrutureColumnist
#ทุจริตในวงราชการ #ม112 #อดข้าวประท้วง
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม