
จับตานโยบายของพรรคการเมือง และแคมเปญของหลายพรรคที่น่าสนใจ ขณะที่ พปชร. และ รทสช.อาการยังน่าเป็นห่วง
ที่น่าสนใจติดตามมากที่สุดตอนนี้ก็ต้องเป็นเรื่องการเปิดนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ที่ทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งสมัยนี้แตกต่างจากสมัยที่ผ่านๆ มา
ด้านหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ นโยบายขายฝันหรือนโยบายลด แลก แจก แถม หรือนโยบายที่นำมาหาเสียงเพื่อหลอกเอาคะแนนพอได้ตำแหน่งแล้วทำลืม เหมือนที่นักการเมืองบางคนเปรียบเปรยทำนองเย้ยหยันลับหลัง ดูแคลนประชาชนว่า คนตาบอดย่อมไม่กลัวเสือ อาจไม่สามารถนำมาใช้ได้อีก
เพราะเพียงแค่ออกนโยบายมา กลุ่มต่างๆ ที่เขาเคยมีบทเรียนได้รับความเดือนร้อน ต่างออกมาตั้งคำถามรายละเอียดที่มาที่ไปจนพรรคการเมืองนั้น ต้องถอยไปตั้งหลักแทบไม่ทัน เช่น นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท จบปริญญาตรีได้เดือนละ 25000 บาท
ประกาศออกมาไม่ทันไรเสียงด่าทอมาจากทั่วสารทิศ ต้องให้หัวหน้าครอบครัวออกมาพูดเสียงอ่อยๆ ว่า จะทำให้ได้ภายในปี 2570 และเศรษฐกิจต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อปีติดต่อกัน อีกทั้งพรรคเพื่อไทยต้องเป็นรัฐบาลครบ 4 ปี แบบว่ามีเงื่อนไขอีกเพียบ พร้อมที่จะโทษลมโทษฟ้าหากทำไม่ได้ตามที่พูดอีก
—————-
แคมเปญของหลายพรรคที่น่าสนใจ
—————-
พรรคชาติไทยพัฒนาของคุณวราวุธ เพิ่งเปิดแคมเปญหาเสียงสุดเก๋ แนวเอาใจวัยรุ่น Wow Thailand ชูไทยในอนาคตต้อง Wealth มีความมั่งคั่ง ต้องมี Opportunity สร้างโอกาส ต้อง Welfare for all มีคุณภาพชีวิตที่ดี ใช้หลักการสิ่งแวดล้อมสีเขียวเป็นแกนในการกำหนดนโยบาย จะหาเสียงด้วยสโลแกน รับฟัง ทำจริง
ถือเป็นความแปลกใหม่ของพรรคที่ไม่ได้มุ่งเฉพาะกลุ่มเป้าหมายเกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ที่เป็นฐานเสียงของพรรคในพื้นที่ภาคกลางเหมือนแต่ก่อน แต่จะเน้นการใช้สื่อโซเชียลนำเสนอความสดใหม่ ความแปลก ความเป็นสากล ซึ่งเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่น่าจะเสริมภาพลักษณ์ของคุณวราวุธ ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่เช่นกันที่น่าจะถูกวางตัวเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรค
นโยบายลักษณะนี้น่าจะขยายฐานคะแนนเสียงไปยังคนกลุ่มใหม่ได้ไม่ยาก และสามารถเข้าร่วมทำงานกับพรรคการเมืองใหญ่พรรคใดก็ได้ในอนาคต เป็นความชาญฉลาดของพรรคที่ทำให้พรรคชาติไทยพัฒนา ดูมีเสน่ห์น่าสนใจมากขึ้นทีเดียว
จากภาพลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของชาวเกษตรกร กลายมาเป็นพรรคการเมืองที่มีภาพลักษณ์เป็นสากล เป็นของคนทุกคนทันที ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือพรรคนี้ไม่ค่อยมีข่าวการทะเลาะเบาะแว้งออกมาให้เห็น แถมมี ส.ส.จากพรรคอื่นทยอยไหลเข้ามาร่วมอีกด้วย
จากนี้คงต้องดูว่าจะจุดติดแคมเปญหาเสียงให้เป็นทอร์ค ออฟเดอะทาวน์ได้แค่ไหน….. น่าสนใจ
นโยบายพรรคชาติพัฒนากล้าที่มีคุณกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค ก็น่าสนใจ ที่เห็นตามป้ายหาเสียงริมถนนชูประเด็น แก้ปัญหาปากท้อง คิดเร็วๆ คงจะเหมือนกับพรรคอื่นๆ ที่บอกว่าจะเอาเงินมาแจกคนแก่ คนทำงาน คนป่วยเท่านั้นเท่านี้แบบเกทับกันเต็มที่
แต่ว่าไม่ได้เป็นดังที่คิดไว้ คุณกรณ์แอบเปิดนโยบายแบบหนังตัวอย่างมาทีละนิดอย่างน่าสนใจคือ จะหาเงินเพิ่มรายได้ให้ประเทศ 5 ล้านบาทภายใน 4 ปี ไม่ได้ใช้นโยบายแบบลด แลก แจก แถม โดยไม่รู้ว่าจะนำเงินจากที่ไหนมาให้
แต่คุณกรณ์กำลังจะบอกที่มาของรายได้ก่อน จากนั้นจะนำมาจัดสรรผ่านโครงการที่จะนำเสนอต่อไป อันนี้คือความต่าง คุณกรณ์กำลังจะใช้ประสบการณ์ของการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาทำนโยบาย
เห็นจากป้ายหาเสียงที่เริ่มออกติดตั้งบ้างแล้ว เช่น นำระบบสะสมคะแนนเครดิตหรือที่เรียกว่า credit scoring มาใช้ และยกเลิกระบบแบล็กลิสต์บูโร คงต้องดูต่อไปว่าวันที่ 24 มกราคมนี้ที่พรรคชาติพัฒนากล้าจะเปิดนโยบายอย่างเป็นทางการจะเสนอรายละเอียดวิธีการหาเงินสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างไร ….. น่าสนใจเช่นกัน
—————-
พปชร. และ รทสช.อาการน่าห่วง
—————-
ที่น่าวิตก….. คือพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติแม้จะยังไม่เปิดนโยบายอย่างเป็นทางการ แต่ทั้งสองพรรคเริ่มออกอาการแย่งชิงความเป็นเจ้าของนโยบายที่รัฐบาลปัจจุบันทำอยู่
หลายนโยบายที่อยากจะนำมาต่อยอดหาเสียง เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ พรรคพลังประชารัฐก็นำมาปัดฝุ่นตั้งชื่อใหม่เป็นโครงการบัตรประชารัฐ พร้อมประกาศเพิ่มวงเงินให้อีกเป็น 700 บาท
ทางสมาชิกรวมไทยสร้างชาติก็ออกมาบอกว่าเป็นโครงการของนายกประยุทธ์ เถียงกันไม่รู้จบ ต่างฝ่ายต่างต้องการแบ่งคะแนนจากคนที่ถือบัตรนี้ซึ่งมีเกือบ 20 ล้านคน ยังมีประเด็นที่สื่อพยายามแหย่เรื่องการปาดหน้าแย่งชิงตัว ส.ส.ระหว่างกันในอีกหลายจังหวัด ทั้งหมดทั้งปวงสะท้อนภาพของการทำการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ ทะเลาะกันไปมา เหมือนแย่งชิงผลประโยชน์ระหว่างกันทั้งที่เคยร่วมงานกันมาก่อน ยังไม่มีข้อเสนอหรือนโยบายใหม่ๆ ที่ประชาชนอยากเห็นว่าอนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร การแสดงท่าทีช่วงชิงประโยชน์กล่าวโทษกันแบบนี้เกิดมาจากคนแวดล้อมของคุณประวิตรและคุณประยุทธ์
แม้จะเชื่อลึกๆ ว่า พี่น้อง 2 ป. ไม่มีวันที่จะขัดแย้งแตกหักกัน แต่คงต้องหาทางแก้ปัญหาที่ส่งผลต่อความนิยมของทั้ง 2 พรรค ที่ถือว่ามีความได้เปรียบจากนโยบายที่เคยทำ เห็นเป็นรูปธรรม นำมาต่อยอด สร้างความนิยมต่อเนื่องได้ง่ายกว่าพรรคอื่นๆ
ตอนนี้รูปการณ์จะเหมือนน้ำแยกสาย ไผ่แยกกอ แต่แหล่งกำเนิดมาจากที่เดียวกัน ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวย่อมเกลียวกล้าสู้ได้ทุกศึกทุกสถานการณ์
—————-
แคมเปญของฝ่ายเห็นต่างจากสถาบันฯ
—————-
บทจบของอาทิตย์นี้ขอคุยเรื่องแกนนำกลุ่มทะลุวัง หรือทะลุอะไรอีกก็แล้วแต่ สองคนชื่อ ตะวันกับแบม ที่ยื่นถอนประกันตัวเองแล้วก็เข้าไปอดอาหารในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา
ทั้งสองคนและเพื่อนๆ อีกหลายคนมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ให้ศาลยึดหลักสิทธิมนุษยชน ไม่แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดี ยุติการดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้สิทธิ เสรีภาพแสดงออกทางการเมือง และทุกพรรคการเมืองต้องเสนอนโยบายยกเลิกมาตรา 112 และ มาตรา 116 มิฉะนั้นจะยกระดับการเรียกร้องทั้งในเรือนจำและนอกเรือนจำ
ข่าวว่า ตะวันและแบมใช้วิธีที่เรียกว่า Dry Fasting คืออดทั้งข้าวและน้ำ นัยว่าทำให้เหมือนกับที่มหาตมะ คานธี ทำเมื่อครั้งต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
กองเชียร์ข้างนอกก็พยายามยกย่องเชิดชู พยายามจุดไฟการเรียกร้องให้ ลุกโชน พยายามบอกกับสังคมว่า ทั้งสองคนและเพื่อนอีกหลายคนไม่ได้รับความเป็นธรรม
มีเพื่อนคนหนึ่งดูเหมือนชื่อเกดหรืออะไรทำนองนี้ ไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่งที่เรือนจำ เยี่ยมเสร็จก็ออกมาเขียนในเพจของตัวเองว่า “น่าเจ็บใจจริงๆ ที่ต้องเห็นพวกเราถูกคุมขังเพียงเพราะต้องการให้กษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ”
มันใช่หรือ????? มันเป็นความจริงอย่างที่เขียนหรือเปล่า คนที่มีใจเป็นธรรม ไม่อคติ จะตอบได้ทันทีว่าคุณโกหกทั้งเพ คุณใส่ร้าย ใส่ความสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งใจทำให้คนเข้าใจผิด ใช้คำพูดที่ทำให้คนเกลียดชังพระมหากษัตริย์
ทั้งที่ความจริงปรากฎแก่คนไทยทั่วไปว่า เพื่อนถูกคุมขังเพราะใส่ร้าย ดูหมิ่น จาบจ้วง สถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ใช้สิทธิเสรีภาพเรียกร้องอย่างมีเหตุมีผล แต่ใช้ความเท็จ ใช้ความรุนแรง ใช้วิธีการที่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นที่ไม่สามารถปกป้องตนเองได้
พวกคุณไม่เคยให้ความเป็นธรรมแก่บุคคลอื่น ได้แต่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง ทั้งที่กฎหมายได้ให้ความเป็นธรรมแก่พวกคุณเต็มที่แล้ว ศาลให้ประกันตัว แต่พวกคุณต้องการใช้วิธี อีกทางหนึ่งเพื่อกดดันไม่เฉพาะศาล แต่ตั้งใจกดดันสังคมให้เห็นคล้อยตาม ก็เลยขอถอนประกันตัวเอง
—————-
คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เอาด้วยกับการคุกคามสถาบันฯ
—————-
ความจริงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสังคมใหญ่ คนไทยทั่วไป ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกคุณกำลังเรียกร้องและใช้วิธีการกระทำบางอย่างเพื่อให้ข้อเรียกร้องนั้นบังเกิดผล
ถ้าสังคมใหญ่และคนไทยทั่วไปเอาด้วยแล้ว เหตุการณ์จะไม่ใช่อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ เห็นหรือไม่ว่าสังคมส่วนใหญ่ไม่ได้ให้การสนับสนุน คนไทยทั่วไปวางเฉยกับสิ่งที่พวกคุณกระทำ ต้องอดทนอดกลั้น ไม่ไปตอแยด้วย คิดเสียว่าสักวันกรรมคงตามทันทั้งคนกระทำ คนชักจูง คนยุยงส่งเสริม
อยากบอกอีกอย่างหนึ่งว่า คนไทยจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการที่พยายามเอาตัวไปเทียบกับมหาตมะ คานธี ท่านยิ่งใหญ่กว่ามาก ท่านต่อสู้ด้วยสันติวิธีอย่างแท้จริง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการกระทำที่ยุยง ปลุกปั่น ให้ร้าย ไม่ละเมิดกฎหมาย ไม่เอาเปรียบสังคมใหญ่ ท่านจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่
ขอฝากกรมราชฑัณฑ์และเรือนจำ ช่วยดูแลทั้งสองคนที่กำลังอดข้าวอดน้ำ อย่าปล่อยให้มีปัญหาวิกฤตด้าน สุขภาพ
การต่อสู้ใดที่ไม่ใช้ธรรมนำ การต่อสู้นั้นจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ในทางตรงกันข้าม การต่อสู้ใดที่ใช้อธรรมนำ การต่อสู้นั้นนับวันจะมีแต่ความตกต่ำและสิ้นสลายในที่สุด
#TheStrutureColumnist
#นโยบายพรรคการเมือง #ตะวัน #แบม
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตน้ำมัน แล้วไม่พอต่อการใช้งานของคนในประเทศ
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม