‘คีรี’ ลั่นไม่ได้ฮั้วสายสีเขียว ยันทำตามกฎหมาย ซัดถูกกลั่นแกล้ง ขู่ฟ้องกลับหากใครทำให้เสียหาย ชี้ปัญหามาจากการที่บริษัทฯ เข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม
“คีรี” ลั่นไม่ได้ฮั้วสายสีเขียว ยันทำตามกฎหมาย ซัดถูกกลั่นแกล้ง ขู่ฟ้องกลับหากใครทำให้เสียหาย
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ออกมาชี้แจงต่อกรณีที่ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหา บริษัท บีทีเอส เรื่องกระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง, สายสีลม สถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่
และการต่อสัญญาว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางสถานีหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปี เพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางไปสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทฯ อย่างมาก
โดยนายคีรีกล่าวว่า เรื่องนี้ตนโดนกลั่นแกล้งและยอมไม่ได้ อะไรที่ไม่ถูกต้องตนจะสู้ เพราะประวัติการทำงานไม่มีมลทิน รัฐบาลพยายามทำอะไรบางอย่าง เรื่องการจ้างบีทีเอสเดินรถสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ผ่านผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว 4 คน ทำไมไม่มีปัญหา ที่บริษัทยอมลงทุนเพราะเชื่อว่าเป็นการช่วยกทม.ในการเดินรถ ไม่ใช่เราแล้วจะเป็นใคร ส่วนต่อขยายฝั่งธนบุรี ระยะทาง 2 กม. สร้างเสร็จแล้วมา 8 ปี แต่กลับไม่มีการเดินรถ
ส่วนต่อขยายนี้ กทม.ลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานเอง การที่บริษัทเข้าไปรับจ้างเดินรถ แต่กลายเป็นปัญหาไปหมด ซึ่งตั้งแต่ผู้ว่าฯ ชัชชาติเข้ามารับตำแหน่งและไม่ยอมจ่ายหนี้ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งศาลปกครองกลางตัดสินให้ กทม.และเคทีจ่ายหนี้ดังกล่าว ซึ่งกทม. อุทธรณ์ตามสิทธิ แต่เป็นเรื่องที่ไม่คำนึงถึงบริษัทฯ ที่ควักเงินจ่ายค่าเดินรถทุกวันเพื่อให้บริการประชาชน
พอเราทวงถาม กทม.ก็ให้ไปถามรัฐบาล พอถามรัฐบาล ก็บอกรอคำตอบ กทม. โยนกันไปมา ถึงวันนี้หนี้ 5 หมื่นล้านบาทแล้ว
นายคีรีกล่าวต่อว่า “ปัญหานี้น่าจะเริ่มมาจากที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีการเปลี่ยนทีโออาร์กลางอากาศ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มีความเห็นแย้งสายสีเขียวมาตลอด ซึ่งมีมาตรา 44 ให้ไปดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินของสายสีเขียว วันนี้เราจึงต้องการให้ใช้หนี้ 5 หมื่นล้านบาทคืนมา ผมมองว่าคงมีคนพยายามทำให้บีทีเอสอ่อนแอ”
กรณี ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา ตนไม่ห่วง เพราะบริษัททำถูกต้องตามกฎหมาย และหากเราถูกต้อง ผู้กล่าวหาโดนฟ้องกลับแน่นอน เมื่อมีเอกสารข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นเอกสารลับถูกนำมาเผยแพร่ ทำให้ราคาหุ้นของบีทีเอสร่วง นักลงทุนตื่นตระหนก บริษัทเสียหาย ดังนั้นใครทำให้บริษัทเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ
“ผมยืนยันว่าจะไม่หยุดเดินรถแน่นอน เรายังไหวอยู่ บริษัทยังแข็งแรงพอที่จะเดินรถต่อเนื่องช่วยผู้โดยสาร ตรงนี้ กทม.คิดถึงความเดือดร้อนของผู้โดยสารบ้างหรือเปล่า แม้พนักงานบีทีเอสจะไปเรียกร้องต่อรัฐบาลก็ตาม แต่บริษัทฯ จะเดินรถต่อไปแบบนี้ จะทำเพื่อประชาชน นอกจากรัฐบาลจะแกล้ง ใช้วิธีสกปรก ถ้าวันไหน บริษัทฯ อ่อนแอจะแจ้งประชาชนให้ทราบ จะได้รู้ธาตุแท้ของรัฐบาล ยืนยันว่าเราไม่มีพฤติกรรมฮั้วประมูล เพราะทำตามขั้นตอน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสัญญาจ้างเดินรถหรือไม่ นายคีรีกล่าวว่า ยืนยันว่าบริษัทฯ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และยังคงเดินหน้าเดินรถเพื่อให้บริการผู้โดยสาร เพราะผู้โดยสารเป็นผู้มีพระคุณต่อบริษัทฯ คงไม่มีบริษัทใดในโลกที่ยอมให้ติดหนี้ 5 หมื่นล้านบาทโดยไม่ทำอะไรเลย แต่บริษัทฯ แคร์ผู้โดยสาร จึงไม่หยุดเดินรถ พร้อมทั้งเดินหน้ากู้เงิน และจะมีรายได้จากสนามบินอู่ตะเภา รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สีชมพู ที่จะเริ่มเปิดให้บริการในปี 2566 ประเมินมีรายได้จากค่าโดยสาร ทั้ง 2 สาย รวมประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี
โดยรัฐจะจ่ายคืนเงินอุดหนุนค่าลงทุนงานโยธาตามสัญญาของทั้ง 2 สาย รวมประมาณ 4,700 ล้านบาท/ปี และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) งานระบบ O&M 2 สาย คือ M6 สายบางปะอิน-โคราช และ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ประมาณ 1,000 ล้านบาท/ปี
นายคีรีกล่าวว่า ส่วนกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น ถ้ามีการประมูลใหม่ ประเทศและประชาชนจะได้ประโยชน์ ถ้าราคาถูกกว่าผมแค่บาทเดียวก็เอาโครงการไปเลย ซึ่งขณะนี้คดียังอยู่ในกระบวนการศาลปกครอง บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าต่อสู้