
ร่างงบประมาณ 2567 ผ่านแล้ว ชี้ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ทำให้คลังขาดความยืนหยุ่นในการรับมือกับวิกฤติ แนะ 2 ข้อในการหารายได้เข้ารัฐเพิ่มเติม
ในการประชุมวุฒิสภา เพื่อการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงินงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท ซึ่งมีการปรับลดงบประมาณลงกว่า 9 พันล้านบาท ตามที่สภาผู้แทนราษฎร์ได้ลงมติเห็นชอบแล้ว และพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ของวุฒิสภา
ที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้มีการลงมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ด้วยคะแนน 178 ต่อ 0 งดออกเสียง2 เสียง
ในการประชุมครั้งนี้ นายภูมิธรรม เวชชนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงต่อสภาฯ ว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 67 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาทนั้น แบ่งออกเป็นรายจ่ายชดใช้เงินคงคลัง 118,361,135,000 ล้านบาท รายจ่ายหน่วยรับงบประมาณ 3,361,638,869,500 ล้านบาท เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณมีกรอบวงเงินใช้งบประมาณสำหรับใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2567
อย่างไรก็ดี พล.อ.ชาติอุดม ติดถะสิริ สว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ(กมธ.) พิจารณาศึกษาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ของวุฒิสภา รายงานต่อสภาว่า รัฐบาลควรคำนึงถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ถี่ถ้วน
เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต โครงการพักหนี้เกษตรกร การปรับเงินเดือนข้าราชการ รวมทั้งการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อภาระการคลังที่จะเกิดขึ้น ได้แก่ภาระดอกเบี้ยและการชำระคืนต้นเงินกู้ ซึ่งมีการประเมินว่า หากรัฐบาลออกมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท จะทำให้พื้นที่การคลังเหลือเพียงร้อยละ 6 เท่านั้นอาจไม่เพียงพอในการรองรับวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ยังได้ให้ข้อเสนอแนะเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดเก็บรายได้ 2 ข้อ ได้แก่
1 ให้ขยายการจัดเก็บภาษีในทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน มีมาตรการจัดการกับผู้หลบเลี่ยงภาษีอย่างจริงจัง อย่างเป็นรูปธรรม และมีมาตรการลงโทษที่รวดเร็ว เพื่อช่วยให้มีเม็ดเงินเข้าสู่รัฐบาลที่มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
2 ให้เพิ่มการนำส่งเงินเป็นรายได้จากรัฐวิสาหกิจที่มีผลกำไรให้แก่รัฐให้มากขึ้น โดยไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชน และให้เร่งรัดการลงทุนในโครงการให้เสร็จทันตามเวลาที่กำหนด เพื่อสามารถเปิดกิจการและมีรายได้จากการบริการประชาชน ซึ่งจะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล หากมีผลประกอบการที่ดีจะช่วยส่งรายได้เพิ่มเติมให้รัฐบาล