วิธีป้องกันตัวจากมิจฉาชีพ อินฟลูฯ ธุรกิจ เผย “ศาสตร์การคิดและวิเคราะห์รอบด้าน” เพื่อป้องกันตัวในยุคที่มิจฉาชีพอยู่รอบตัวเรา
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2567 นายโจ จิตนารินทร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ด้านการบริหารธุรกิจ เจ้าของช่องยูทูป I am Joe Jitnarin ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอของเขาผ่านช่องยูทูป “ไม่โดนหลอก รู้ทันคน ศาสตร์การคิดแบบลึกซึ้ง” โดยนายโจกล่าวว่าเขาจะมานำเสนอ “ศาสตร์การคิดและวิเคราะห์รอบด้าน” เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง โดยเฉพาะในสมัยนี้ที่เต็มไปด้วยมิจฉาชีพอยู่รอบตัวเรา
ซึ่งมี 5 ปัจจัยหลัก ๆ ในการพิจารณาดังนี้
1 เข้าใจบริบทของเรื่อง
นายโจกล่าวว่า ถึงแม้ว่าบางเรื่องจะดูแล้วมีความคล้ายคลึงกัน แต่หากพิจารณาในรายละเอียดแล้วจะเห็นความละเอียดอ่อนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการรับข้อมูลมาแล้วตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่เข้าใจบริบทของมัน มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดสูงมาก เนื่องจากเป็นการตัดสินใจที่ไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง
เขายกตัวอย่างง่าย ๆ ว่าหากมีคน ๆ หนึ่งที่มีพฤติกรรมที่แปลก แต่ถ้าเราย้อนพิจารณาถึงบริบทของเขา เราจึงจะสามารถตัดสินเค้าได้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง “บริบทคือสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่เราต้องวิเคราะห์ให้ดี” นายโจสรุป
2 ดึงเวลาการตัดสินใจ
นายโจกล่าวว่าผู้ที่ตัดสินใจผิดพลาด ไม่ใช่ว่าเขาไม่ฉลาด แต่มักจะมาจากความรีบร้อนจนเกินไปทำให้ไม่มีเวลาคิดให้รอบด้าน และยิ่งใช้เวลาคิดน้อย ก็จะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นวิธีการที่นักขายมักจะใช้เพื่อให้ผู้ซื้อไม่มีเวลาคิดเยอะ เนื่องจากการมีเวลาคิด อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนใจ และตระหนักได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี
ในขณะที่ในธุรกิจแบบ B2B จะเห็นได้ว่า ถ้าสินค้านั้นดีจริง ถึงแม้ว่าจะปล่อยเวลาในลูกค้าคิด ลูกค้าก็จะยังตัดสินใจเลือกซื้อสินค้านั้น ในขณะที่ผู้ขายที่ขายสินค้าที่ไม่ค่อยดี มักจะพยายามเร่งรัดการตัดสินใจของลูกค้า
“ถ้าไม่เร่งรีบจนเกินไป ปล่อยเวลาให้ตัวเองคิดสักหน่อย เราจะเป็นคนที่ฉลาดในการตัดสินใจมากกว่าเดิมแน่นอน” นายโจกล่าว ก่อนจะเน้นย้ำว่า เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ที่จะต้องปกป้องเอาไว้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจ
3 มองหาข้อเสียก่อนข้อดีเสมอ
นายโจกล่าวว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนตกหลุมพรางมักจะมาจากการหลงในข้อดีมากจนเกินไปจนมองข้ามข้อเสีย อีกทั้งยังย้ำว่า “ข้อดีอย่าไปมองมัน” เพราะยังไงมันก็ดีอยู่แล้ว น้อยคนมาก ๆ ที่จะไม่ยอมรับข้อดี แต่ข้อเสียนั้นเป็นตัวชี้วัดที่ดีมาก ๆ ว่าสิ่ง ๆ นี้จะเหมาะสมกับเราจริงหรือเปล่า
ทั้งนี้ การพิจารณาขอเสีย ให้วิเคราะห์ว่าเราจะสามารถบริหารจัดการกับมันได้หรือไม่ ซึ่งถ้าทำได้ เรื่องข้อดีเราแทบจะไม่ต้องสนเลย ถึงแม้ว่านี่อาจจะดูเหมือนเป็นการมองโลกในแง่ร้าย แต่ข้อดีนั้นไม่ได้เป็นตัวที่มาทำลายเรา ข้อเสียต่างหากที่จะทำให้เราเจ๊งจนหมดตัวได้
นายโจยกตัวอย่างลูกค้ารายหนึ่ง ซึ่งมองข้ามข้อมูลข้อเสียจากการวิจัยตลาด และการตรวจสอบภายในทั้งหมด เนื่องจากอยากซื้อธุรกิจนี้มาก ๆ และในท้ายที่สุด ข้อเสียเหล่านี้ก็ย้อนกลับมาแว้งกัดเขาทั้งหมดเลย อีกทั้งยังกล่าวว่าเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นได้โดยทั่วไปในท้องตลาดด้วย
4 ตั้งโจทย์ที่ดีขึ้นมาก่อนเสมอ
นายโจกล่าวว่า ไม่ว่าเราจะคิดหรือวิเคราะห์อะไรสักอย่าง การตั้งโจทย์ที่ดีเป็นสิ่งที่ต้องทำ เพราะคำตอบและบทสรุปที่ดี มักจะมาจากโจทย์ที่ดีเสมอ โดยนายโจทย์กล่าวว่า 2 คำถามที่เขามักจะใช้คือ “ทำไม?” และ “เขาได้อะไรจากการทำเช่นนั้น?”
เขายกตัวอย่างการถูกชักชวนให้ลงทุน เขาจะตั้งคำถามว่า “เขามาบอกผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำไม ?” และ “เขาจะได้อะไรจากตรงนี้?” เพราะอย่างเรื่องการลงทุน เขาไม่จำเป็นต้องบอกผมก็ได้ เก็บแล้วรวยอยู่เงียบ ๆ ก็ได้ การที่เขามาบอกอะไรผมแบบนี้ ผมต้องเข้าใจให้ได้ว่าเขาได้อะไรจากตรงนี้ ? ถ้าเขามีเจตนาที่ดีเพียงอยากจะเล่าให้ฟัง ไม่ได้ชักจูงให้ไปทำอะไร แบบนี้ก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเจตนาของเขาเพื่อชักชวนให้เราไปลงทุนกับอะไรสักอย่างที่มันไม่ดีแล้ว เราก็สามารถตัดสินใจได้ว่า เราควรจะทำยังไงต่อ
5 ข้อมูลเชื่อถือได้แค่ไหน
นายโจกล่าวว่าข้อมูลสมัยนี้นั้นหาได้ง่ายมาก ไม่ว่าเราจะอยากรู้เกี่ยวกับอะไรก็มักจะมีแหล่งข้อมูลให้เราเสมอ แต่ข้อเสียของมันคือเราต้องแยกแยะระหว่างข้อมูลที่ดี ออกจากข้อมูลที่ไม่ดี หรือหลอกลวง มันไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีประสบการณ์
เขายกตัวอย่างหน้าฟีดบนโซเชียลมีเดียว แล้วถามว่ามีข้อมูลที่เชื่อได้อย่างสนิทใจสักเท่าไร และสำหรับข้อมูลทางธุรกิจแล้ว เขาเห็นว่ามีข้อมูลที่ไม่ดีพออยู่เป็นจำนวนมาก และมีข้อมูลแฝง หลอกลวงปรากฏด้วย
นายโจกล่าวว่าเราต้องอ่านเจตนาของแหล่งข้อมูลของผู้ให้ข้อมูลให้ออก โดยอาจพิจารณาถึงที่มาของแหล่งรายได้ของผู้ให้ข้อมูล ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะโน้มเอียงไปที่ผู้ให้การสนับสนุนทางการเงิน แต่นี่ไม่สามารถกล่าวได้ว่าทุกแหล่งที่รับเงินจะเป็นเช่นนั้น เนื่องจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเราจะต้องปกป้องตัวเองในเรื่องของข้อมูลก่อนเสมอ
นายโจกล่าวสรุปว่าการคิดและวิเคราะห์ที่ดีพอนั้น จะช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นกว่าเดินเยอะมาก และจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ใครสามารถมาเอาเปรียบ หรือหลอกเราได้ง่าย ๆ