สภาพแวดล้อมกำกับพลวัตและความงอกงามของสังคม
นิทานชาดกเรื่องหนึ่งกล่าวถึง พระราชาปัญจาละสเด็จออกล่าสัตว์และพลัดกับไพร่พล เหลือเพียงพระองค์กับคนสนิท ทรงเดินทางไปจนถึงที่อยู่ของโจรและพบนกแขกเต้าตัวหนึ่ง มีนิสัยหยาบช้า พูดจาหยาบคาย และหมายจะพาพวกโจรมาปล้นพระองค์ พระราชาเสด็จหนีจนไปถึงอาศรมของฤๅษี พบนกแขกเต้าอีกตัวหนึ่งซึ่งพูดจากดี รู้มารยาทและธรรมเนียม
พระราชาทรงเล่าถึงนกแขกเต้าตัวแรกที่พระองค์หนีมา นกแขกเต้าจึงบอกว่า ความจริงแล้วทั้งสองเป็นพี่น้องกัน แต่ในวันหนึ่งพลัดหลงจากกัน ทั้งคู่จึงเติบโตขึ้นมาสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน จึงมีอุปนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่น้องกัน
นิทานชาดกเรื่องนี้ สอนถึงสภาพแวดล้อมทางสังคมที่แตกต่าง ทำให้คนแตกต่างกัน
ณ หมู่บ้านเสี่ยวกัง มณฑลอานฮุย สาธารณรัฐประชาชนจีน มีปัญหาการเพาะปลูกมานาน เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศที่เลวร้าย และเนื่องด้วยแนวคิดคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น ที่คิดว่าทุกสิ่งอย่างเป็นของรัฐ ผลผลิตทุกอย่าง รัฐคือเจ้าของและเป็นผู้จัดสรรปันส่วน [2] นี่คือแนวคิดที่ไม่สร้างแรงจูงใจในการทำงาน แต่คือกฎหมายของคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้น ที่ทำให้ผู้คนคิดว่า
“ขยันแค่ไหน ก็ได้ผลผลิตเท่าเดิม”
ด้วยความอดอยากจากผลผลิตที่ต่ำ ไม่เคยเพียงพอต่อการดำรงชีพ ชาวบ้าน 18 คน จึงร่วมกันทำสัญญาลับว่า “ทุกครอบครัวจะผลิตให้ได้ตามโควตาของรัฐ ส่วนเกินสามารถเก็บไว้ได้ในครัวเรือน” [2]
นี่คือแนวคิดแบบทุนนิยม ซึ่งผิดกฎหมาย มีโทษถึงประหารชีวิต “แต่สร้างแรงจูงใจ” นับจากวันนั้น ชาวบ้านต่างแข่งกันว่าใครจะมีผลผลิตมากกว่ากัน และผลลัพธ์ที่ได้คือ ปีนั้น ผลผลิตของหมู่บ้านพุ่งทะยานขึ้นมาเกิน 4 เท่าตัว [3]
เมื่อเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำจีนสมัยนั้นทราบ เขาไม่เพียงไม่เอาผิดเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้ทุกหมู่บ้านนำเอาโมเดลนี้ไปใช้ ส่งผลให้ผลผลิตทั่วประเทศเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด [4]
นี่คือตัวอย่างของการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นธรรม และสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนขยันทำงาน อันส่งผลต่อผลผลิตมวลรวมของสังคมนั่นเอง
การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่กำลังแพร่ระบาดนี้ก็เช่นกัน ที่เป็นปัจจัยแวดล้อม ที่ทำให้เกิดพลวัตความเปลี่ยนแปลงต่อสังคม
ด้วยสภาพแวดล้อมที่บีบบังคับให้ประชาชนต้องอยู่บ้าน แต่ความต้องการในการบริโภคของประชาชนไม่ได้ลดลงไป ทำให้คนหันไปใช้บริการการซื้อของออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เฉพาะปี 2564 ตลาดนี้เติบโตขึ้นถึง 40% [5]
ชุดความคิดของผู้คนก็เปลี่ยนไปพร้อมกับวิกฤตครั้งนี้ด้วยเช่นกัน คนมีแนวโน้มที่อยากจะเป็นเจ้าของกิจการเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มความต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้า แต่ไม่อยากเป็นเจ้าของโรงงาน จะส่งผลให้ธุรกิจรับจ้างผลิต (Original Equipment Manufacturer; OEM) เติบโต [5]
นี่เห็นได้ว่า แม้เมื่อสภาพแวดล้อมเป็นไปในเชิงลบ และส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่พลวัตของสังคมก็ยังคงมีอยู่ ถึงแม้จะเป็นเพียงการเอาตัวรอดเฉพาะสถานการณ์ก็ตาม แต่ก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวได้เช่นกัน และการพัฒนานี้เองที่เป็นความงอกงามของสังคม
ผลไม้ของกษัตริย์ ‘สัปปะรด’ ผลไม้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผลไม้สุดหรูหรา และเป็นสัญลักษณ์ความมั่งคั่งของอังกฤษ
สิงคโปร์ ไม่มีนโยบายค่าแรงขั้นต่ำทั่วไป แต่กลับสามารถยกระดับคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้สูง และสามารถแข่งขันในตลาดโลก
ในขณะบางคนมุ่งแต่จะตั้งคำถามถึง “ความเป็นไทย” แล้วใยไม่มีใครตั้งคำถามต่อ “ความเป็นสากล”
ชย
ความจริงของโลกที่ยอมรับได้ยากที่สุด คือ ความจริงที่ขัดต่อความเชื่อของตน