
การย้ายไปอยู่เมืองพริบพรี ช่วยให้ครอบครัวออกญาวิสูตรสาคร รอดพ้นภัยสงครามหรือไม่ ?
ในตอนสุดท้ายของพรหมลิขิต คุณยายของคุณหญิงการะเกด (เกศสุรางค์) มาเข้าฝันคุณหญิงและออกญาวิสูตรสาคร เพื่อเตือนถึงเหตุการณ์การเลียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นในอีกประมาณ 30 ปีข้างหน้า ทำให้ครอบครัวของออกญาวิสูตรสาครตัดสินใจ โยกย้ายไปอยู่เมืองพริบพรี หรือเมืองเพชรบุรีกันยกครัว
การตัดสินใจย้ายครอบครัวในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุที่เกี่ยวเนื่องมาจากการที่ พ่อมิ่ง-จมื่นศรีสรรักษ์ ลูกเขยซึ่งสมรสกับแม่ปรางลูกสาว รับราชการอยู่ที่เมืองพลิบพรี เนื่องจากในสมัยนั้น อาจเป็นการยากหากครอบครัวขุนนางสำคัญ จะโยกย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองที่ไม่มีเครือญาติอยู่อาศัย
เพราะนับตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรเป็นต้นมา กลุ่มเจ้านายและขุนนางเริ่มมีอำนาจมากเพียงพอที่จะคานอำนาจ หรือแข็งข้อกับพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะภายหลังการปราบดาภิเษกของสมเด็จพระเพทราชา ชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ทำให้พระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมถอยลงไป จนถึงขั้นไม่สามารถควบคุมหัวเมืองได้อย่างเด็ดขาด
การโยกย้ายถิ่นฐานของครอบครัวออกญาวิสูตรสาคร ซึ่งมีสมาชิกเป็นขุนนางสำคัญอย่าง ขุนพิพัฒน์ราชสินธุ์ (พ่อริด) ซึ่งเป็นลูกชาย และมีจมื่นศรีสรรักษ์ (พ่อมิ่ง) และหมื่นจันภูเบศร์ (พ่ออิน) เป็นลูกเขย อาจเป็นที่ต้องสงสัยว่าซ่องสุมกำลังเตรียมก่อการกบฏได้
แต่การย้ายไปอยู่เมืองพริบพรี ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่นั้น สามารถพิจารณาได้จากประวัติศาสตร์ในช่วงเหตุการณ์การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11 ม.ค. พ.ศ. 2307 ถึงวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 และเป็นที่น่าเสียดายที่จะระบุว่า “ไม่รอดพ้นภัยสงคราม”
เนื่องจากในการทัพรุกรานกรุงศรีอยุธยาของฝ่ายพม่านั้น พม่ายกทัพมาทั้งสิ้น 4 เส้นทาง ซึ่งเส้นทางใต้ กองทัพพม่าซึ่งนำโดยมังมหานรธา ยกทัพลงมาจากทวาย ลงมายังตะนาวศรี รุกล้ำเขตแดนไทยเข้าโจมตีเมืองชุมพร ก่อนจะยกทัพวกกลับขึ้นมาเข้าโจมตีเมืองพริบพรี หรือเพชรบุรีในปัจจุบัน และเมืองแตกทั้ง 2 เมือง
การเข้าโจมตีเมืองพริบพรีของกองทัพพม่านั้น ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงมิได้ เนื่องจากเมืองพริบพรีเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญทั้งทางทหาร และทางเศรษฐกิจต่ออาณาจักรอยุธยา เนื่องจากเมืองพริบพรี ถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญในสมัยนั้น เป็นจุดส่งกำลังพล และเสบียงอาหารที่สำคัญของอยุธยามาอย่างช้านาน จนมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
จึงอาจกล่าวได้ว่าตระกูลของออกญาวิสูตรสาคร ไม่สามารถหลบรอดพ้นจากภัยสงครามการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ไปได้ แต่จะถึงขั้นสิ้นตระกูลไปหรือไม่นั้น ไม่มีผู้ใดทราบ เนื่องจากในบันทึกทางประวัติศาสตร์ มิได้กล่าวถึงชะตากรรมของเชื้อสายออกญาวิสูตรสาครเอาไว้เลย
แต่ก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกันที่ลูกหลานของออกญาวิสูตรสาคร สามารถรอดพ้นจากชะตากรรมอันเลวร้าย เนื่องจากในกองทัพกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลวงพิไชยราชา ซึ่งเป็นบุตรชายของพระยาเพชรบุรี เจ้าเมืองเพชรบุรีคนสุดท้ายของอยุธยา เป็นแม่ทัพคนสำคัญ ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ที่เชื้อสายของออกญาวิสูตรสาคร และคุณหญิงการะเกด อาจจะมีชีวิตรอดมาได้ด้วยเช่นกัน
แต่ที่แน่ ๆ คือการอพยพย้ายครัวในครั้งนี้นั้น ช่วยให้ทั้งตระกูลหลุดพ้นจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าพร) กับเจ้าฟ้าอภัยและเจ้าฟ้าปรเมศร์มาได้ ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้น มีการล้างบางขุนนางที่เข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าฟ้าอภัย ซึ่งรวมไปถึงออกญาโกษาธิบดี (จีน) ไปด้วยได้นั่นเอง
โดย ศิราวุธ ภุมมะกสิกร