
ยาลดน้ำหนักมาแรง Goldman Sachs ระบุยาลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพชนิดใหม่ อาจเพิ่ม GDP ของสหรัฐฯ ได้ถึง 1% ในปีต่อๆ ไป
Goldman Sachs ระบุว่า การใช้ยาลดน้ำหนักชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในสหรัฐฯ อาจเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ได้ 1% ในปีต่อๆ ไป เนื่องจากภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดยาลดน้ำหนักอาจแตะระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี (3.59 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นทศวรรษนี้ โดยมี Novo Nordisk บริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์ก ผู้ผลิตยาลดน้ำหนัก Ozempic และ Eli Lilly บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ผู้ผลิตยาลดน้ำหนัก Mounjaro เป็นผู้นำตลาด
Goldman Sachs ระบุว่า บริษัทหลายแห่งกำลังพัฒนายากลุ่ม GLP-1 อย่างจริงจัง และอาจมีหลายบริษัทเข้าสู่ตลาดโดยขึ้นอยู่กับผลการทดลองทางคลินิก ขณะที่จำนวนผู้ใช้ยาอาจเพิ่มขึ้นถึง 10-70 ล้านคน ภายในปี 2571
“หากการใช้ยา GLP-1 เพิ่มขึ้นตามจำนวนนี้ และส่งผลให้อัตราโรคอ้วนลดลง ก็อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง… จากการวิจัยพบว่าคนที่เป็นโรคอ้วนมีแนวโน้มที่จะไม่ทำงาน และในกรณีที่ทำประสิทธิภาพในการทำงานก็น้อยกว่าคนรูปร่างปกติ” นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ระบุ
Goldman Sachs ประเมินว่า ยาลดน้ำหนักอาจหนุน GDP ของสหรัฐฯ ได้ 0.4% ในกรณีที่มีผู้ใช้ยา 30 ล้านคน และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1% หากมีผู้ใช้ยา 60 ล้านคน
กระแสนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน เช่น การใช้เทคโนโลยี AI คิดค้นยาตัวใหม่ และ GLP-1 อาจเพิ่ม GDP ของสหรัฐฯ ได้ 1.3% ในปีต่อๆ ไป หรือเทียบเท่า 3.6 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี (12.93 ล้านล้านบาท) ที่อัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน โดยมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นได้ตั้งแต่ 0.6%-3.2%
(1 ดอลลาร์ = 35.93 บาท)