ฟ้อง Binanceก.ล.ต.สหรัฐฯ ยื่นฟ้อง Binance และผู้ก่อตั้งในข้อหา ‘หลอกลวง’
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ยื่นฟ้อง 13 ข้อหาต่อ ‘Binance’ แพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมประธานเจ้าหน้าที่บริหารชางเพ็ง เจา หรือ ‘CZ’ เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.)
ตามคำฟ้องที่ยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก.ล.ต.ระบุว่า Binance มีส่วนร่วมในการซื้อขายแบบ ‘wash trading’ ซึ่งเพิ่มปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์คริปโตที่สูงเกินจริงบนแพลตฟอร์ม ทำการโยกเงินของลูกค้า ล้มเหลวในการสกัดกั้นลูกค้าในสหรัฐฯ จากการใช้แพลตฟอร์ม และทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเฝ้าติดตามตลาด
ก.ล.ต. ยังอ้างว่า ‘Binance’ และ ‘CZ’ ผู้ก่อตั้งมหาเศรษฐีและเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุตสาหกรรมคริปโตฯ ได้ดำเนินการควบคุมสินทรัพย์ของลูกค้าอย่างลับๆ และได้สร้างหน่วยงานแยกต่างหากขึ้นในสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
“เราเชื่อว่า ‘CZ’ และ ‘Binance’ มีส่วนร่วมในการหลอกลวง ผลประโยชน์ทับซ้อน การปกปิดข้อมูล และจงใจหลีกเลี่ยงกฎหมาย” แกรี เจนส์เลอร์ ประธาน ก.ล.ต. กล่าวในแถลงการณ์
ในแถลงการณ์ตอบโต้ Binance ระบุว่า ‘ตั้งแต่เริ่มต้น‘ ทางบริษัทได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับการสอบสวนของ ก.ล.ต. และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดของ ก.ล.ต. พร้อมอ้างว่าการยื่นฟ้องของ ก.ล.ต.ในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการยึดพื้นที่ในการดูแลตลาดคริปโตจากหน่วยงานรัฐภาคอื่นๆ เท่านั้น
ข่าวการฟ้องร้องในครั้งนี้ทำให้ Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลงมากถึง 6% สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 เดือน ขณะที่ BNB สกุลเงินดิจิทัลของ Binance ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกตามขนาดตลาด ร่วงลงมากกว่า 5%
การฟ้องร้องดังกล่าวนับเป็นการดำเนินการทางกฎหมายระลอกล่าสุดต่อ Binance โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ (Commodity Futures Trading Commission : CFTC) ได้ยื่นฟ้อง Binance โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ผิดกฎหมาย และเป็นโปรแกรมที่หลอกลวง ซึ่ง CZ ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
Binance ยังอยู่ภายใต้การสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในข้อหาฟอกเงินและการละเมิดกฎการคว่ำบาตร