รัฐบาลไบเดนฟ้อง ‘รัฐเท็กซัส’ ฐานสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำสกัดกั้นผู้อพยพ ด้านผู้ว่าเท็กซัสเล็งฟ้องกลับต่อศาลสูงสหรัฐ
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องรัฐเท็กซัสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 ก.ค.) ฐานสร้างคันกั้นน้ำในแม่น้ำริโอแกรนด์เพื่อสกัดกั้นผู้อพยพจากเม็กซิโกที่จะข้ามแดนมายังสหรัฐฯ
ทางการเท็กซัสเริ่มสร้างสิ่งกีดขวางกลางแม่น้ำใกล้กับเมืองอีเกิลพาส รัฐเท็กซัส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการยับยั้งผู้อพยพ ‘Lone Star’ ของเกร็ก แอบบอต (Greg Abbott) ผู้ว่าการรัฐเท็กซัสจากพรรครีพับลิกัน
ในการฟ้องร้องดังกล่าว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ขอให้ศาลแขวงสหรัฐในเขตตะวันตกของรัฐเทกซัส มีคำสั่งรื้อโครงสร้างและสิ่งกีดขวางในแม่น้ำริโอแกรนด์ทั้งหมด
“รัฐเท็กซัสและผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางโดยการสร้างสิ่งกีดขวางในแม่น้ำริโอแกรนด์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง” วานิตา คุปตา (Vanita Gupta) รองอัยการสูงสุดกล่าวในแถลงการณ์ พร้อมระบุว่า “สิ่งกีดขวางลอยน้ำนี้เป็นภัยคุกคามต่อการเดินเรือและความปลอดภัยสาธารณะ ตลอดจนสร้างความกังวลด้านมนุษยธรรม”
ด้านนายแอบบอต ได้ร่อนจดหมายถึงปธน.ไบเดน เพื่อตอบโต้การฟ้องร้องว่า ตนจะไม่สั่งให้รื้อสิ่งกีดขวางลอยน้ำตามที่กระทรวงยุติธรรมกำหนด พร้อมอธิบายว่า “รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ให้อำนาจอธิปไตยแก่รัฐเท็กซัสในการปกป้องพรมแดน เนื่องจากปธน.ปฏิเสธที่จะบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง จนเกิดปัญหาผู้อพยพหลั่งไหลเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในระดับที่ทำลายสถิติ”
นายแอบบอต ยังได้ให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่ารัฐเท็กซัสมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะทำเช่นนั้น และรัฐเท็กซัสจะดำเนินยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลสูงสุดสหรัฐ
ทั้งนี้ ปฏิบัติการ ‘Lone Star’ ของ แอบบอต ยังรวมถึงการส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) หลายพันนายไปประจำการตามขอบชายแดน และการเคลื่อนย้ายผู้อพยพไปปล่อยตามเมืองต่างๆ ทางเหนือที่นำโดยพรรคเดโมแครต
จำนวนผู้อพยพที่ถูกจับระหว่างข้ามพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกอย่างผิดกฎหมายลดลง นับตั้งแต่ที่ ปธน.ไบเดน ดำเนินนโยบายคนเข้าเมืองฉบับใหม่ที่มีความเข้มงวดมากขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถึงกระนั้นก็ตาม ในเดือนมิถุนายน มีผู้อพยพถูกจับถึงราว 100,000 คน