เอากองทัพมาปราบแก๊งค้ายา ทรัมป์ ลั่นจะใช้กองทัพสหรัฐฯ ล้างบางแก๊งค้ายา และจะประหารชีวิตนักโทษค้ายา-ค้ามนุษย์ หากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี 2024
โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ประกาศว่าจะส่งกองทัพสหรัฐฯ ไปต่อสู้กับกลุ่มค้ายาทางตอนใต้ของชายแดนเม็กซิโก หากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 2024
ในคลิปวิดีโอหาเสียง ทรัมป์ สรุปแผนการส่งกองกำลังสหรัฐฯ เพื่อ “สร้างความเสียหายสูงสุด” ต่อเครือข่ายอาชญากร พร้อมเสริมว่าเขาจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเรือกับกลุ่มเครือข่ายผู้ค้ายา
ขณะเดียวกันก็จะทำให้แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะได้รับ “ความร่วมมืออย่างเต็มที่” จากรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้านในการ “ขุดรากถอนโคน” เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด-ค้ามนุษย์ในระดับภูมิภาค
อดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นว่าจะโน้มน้าวให้สภาคองเกรสใช้โทษประหารชีวิตกับผู้ค้ายาเสพติดและผู้ค้ามนุษย์ ขณะเดียวกันก็จะผลักดันให้หน่วยงานรัฐบาลกลางพุ่งเป้าไปที่กลุ่มอันธพาลและกลุ่มอาชญากรที่ขายยาเสพติดตามท้องถนน
‘เฟนทานิล’ (Fentanyl) ซึ่งเป็นยาระงับปวดประสิทธิภาพสูงในกลุ่มโอปิออยด์ (Opioid) จะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่สารควบคุมโดยรัฐบาลกลางเป็นการถาวร ภายใต้การดำรงตำแนห่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของทรัมป์
ทรัมป์ ยังเตือนว่าจีนจะต้องชดใช้อย่างสาสมหากล้มเหลวในการ “จำกัด” การขายสารตั้งต้นทางเคมีที่ใช้ทำยา ‘เฟนทานิล’
“เมื่อผมกลับมาที่ทำเนียบขาว ผมจะลงมือในวันแรกเพื่อยุติการระบาดที่น่ากลัวนี้เพื่อช่วยชีวิตชาวอเมริกัน” ทรัมป์ กล่าว
นอกเหนือจากการลงโทษผู้ค้าแล้ว ทรัมป์ยังเสนอให้เพิ่มงบของรัฐบาลกลางสำหรับโปรแกรมการให้คำปรึกษาและการบำบัดฟื้นฟูสำหรับผู้ติดยา ‘ตามความเชื่อ’ พร้อมแนะนำว่าสมาชิกในครอบครัวของผู้ติดยาเสพติดควรมีสิทธิ์ลางานเพื่อดูแลคนที่ตนรัก
ทรัมป์ ไม่ใช่สมาชิกคนเดียวในพรรคของรีพับลิกันที่เสนอให้ส่งกองทัพสหรัฐฯ ไปล้างบางแก๊งค้ายา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก คัดค้านอย่างแข็งขันโดยระบุว่าเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของเม็กซิโก
การตรวจยึดเฟนทานิลตามขอบชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าระหว่างปี 2020 ถึง 2022 ขณะที่การตรวจยึดเฟนทานิลในปี 2023 แซงหน้ายอดตัวเลขของปีที่แล้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จำนวนผู้เสียชีวิตจากการใช้ยา ‘เฟนทานิล’ เกินขนาดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 94% ตั้งแต่ปี 2562 และยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในหมู่ชาวอเมริกันอายุ 18 ถึง 45 ปี