ครม.เห็นชอบแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ เตรียมผุด “ดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ” ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ
ครม.เห็นชอบแผนปฏิบัติการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไทย ปี 66-70 หวังลดสัดส่วนต้นทุนการขนส่งสินค้าจาก 6.4% เหลือ 5% ต่อจีดีพี ผลักดันไทยเป็นประตูการค้าภูมิภาคอาเซียน นอกจากนั้น ยังเห็นชอบแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ.2566–2580 และร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ ที่รัฐเป็นเจ้าของบริหารจัดการเอง
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย พ.ศ.2566-2570 เพื่อให้ผลักดันประเทศไทยเป็นประตูการค้าด้านระบบโลจิสติกส์ที่สำคัญในอนุภูมิภาคและภูมิภาค โดยขับเคลื่อนผ่าน 5 แนวทางการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ได้แก่
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สร้างโครงข่ายการเชื่อมโยงการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ระหว่างท่าเรือ รถไฟ ถนน และท่าอากาศยานอย่างครอบคลุมเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจ พื้นที่อุตสาหกรรมและด่านชายแดนสำคัญ พร้อมกับการพัฒนาศูนย์บริการโลจิสติกส์และปรับปรุงด่านชายแดน พัฒนาการบริหารจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคการเกษตร การพัฒนาพิธีการศุลกากร กระบวนการนำเข้า-ส่งออก และการอำนวยความสะดวกในการขนส่งระหว่างประเทศ เช่น ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (LSPs)
สำหรับเป้าหมายความสำเร็จ ตั้งเป้าลดสัดส่วนต้นทุนการขนส่งสินค้าต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลงเหลือ 5% ต่อปี จากในปี 64 อยู่ที่ 6.4% สัดส่วนต้นทุนการเก็บรักษาสินค้าคงคลังต่อจีดีพีลดลงเหลือ 5% ต่อปี จากปี 64 อยู่ที่ 6.4% อันดับดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพโลจิสติกส์ (แอลพีไอ) ด้านพิธีการศุลกากร อยู่ในอันดับ 25 หรือคะแนนไม่ต่ำกว่า 3.20 จากปี 61 อยู่อันดับที่ 31 มีคะแนน 3.14 คะแนน อันดับแอลพีไอด้านสมรรถนะแอลเอสพีเอสภาครัฐและธุรกิจอยู่ใน อันดับ 25 หรือคะแนนไม่ต่ำกว่า 3.60 จากในปี 61 อยู่อันดับที่ 32 มีคะแนน 3.41 คะแนน
นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ.2566-2580 (National Space Master Plan 2023- 2037) วิสัยทัศน์ คือ “มุ่งพัฒนาและใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศเพื่อความมั่งคั่ง มั่นคง ยั่งยืน” ดำเนินพันธกิจ เช่น พัฒนาและส่งเสริมความมั่นคงอวกาศ พัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมอวกาศ วิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอวกาศ ติดตาม เฝ้าระวัง วิจัยและสำรวจอวกาศ เพื่อใช้ประโยชน์จากกิจการอวกาศในการรักษาความมั่นคง สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ให้บริการสาธารณะและเชิงพาณิชย์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม และร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันกิจการอวกาศ
ขณะเดียวกัน ได้เห็นชอบหลักการร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายอวกาศของรัฐบาลให้เป็นรูปธรรมในการมีดาวเทียมสำหรับหน่วยงานภาครัฐที่สามารถกำกับดูแลและบริหารจัดการเอง เพื่อใช้ในการให้บริการสาธารณะ ความมั่นคง และเชิงพาณิชย์ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐได้รับการจัดสรรช่องสัญญาณจำนวน 1 วงจรดาวเทียม เพื่อใช้ในกิจการของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อปริมาณการใช้งานในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ต่อมาหน่วยงานของรัฐได้มีการเช่าซื้อช่องสัญญาณของดาวเทียมเพิ่มเติมจากดาวเทียมไทยคม 6 ไทยคม 7 และช่องสัญญาณจากต่างชาติ โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมภาพถ่าย ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา และดาวเทียมระบบนำร่อง จึงจำเป็นต้องมีดาวเทียมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐหรือดาวเทียมที่รัฐมีสิทธิในการควบคุม บริหาร จัดการเพื่อสนับสนุนภารกิจของรัฐ
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องร่างนโยบายดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติขึ้น โดยมีแนวความคิดหลัก คือ 1.จัดให้มีดาวเทียมสื่อสารของประเทศที่เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ 2.ใช้ประโยชน์จากเอกสารข่ายงานดาวเทียมและตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมในนามประเทศไทย 3.ให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ 4.ดำเนินการภายใต้กรอบแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่เป็นการแข่งขันกับเอกชน โดย NT ต้องดำเนินการจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญดำเนินการสำรวจความต้องการใช้งานดาวเทียมในเชิงลึกต่อไป และร่วมพิจารณาเพื่อให้การดำเนินงานดาวเทียมสื่อสารแห่งชาติเกิดผลสำเร็จภายในระยะเวลา 3 ปี
นอกจากนี้ ครม.ได้รับทราบความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. …ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงการดำเนินงานศูนย์ประกอบทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ (National Assembly Integration and Test: AIT) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนาดาวเทียมของประเทศไทยด้วย
พิพิธภัณฑ์ไต้หวันยอมรับ ทำโบราณวัตถุสมัยราชวงศ์หมิง-ชิง แตกเสียหาย มูลค่ารวมกันกว่า 77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2,900 ล้านบาท
มัสก์ ไม่สนคำสั่งรัฐบาล ปฏิเสธเซ็นเซอร์ RT สื่อรัสเซีย ชี้เขายึดมั่นเสรีภาพในการแสดงความคิด
ไต้หวันเปิดตัว 3 แลนด์มาร์คใหม่ ชวนนักท่องเที่ยวไทยไปเช็กอินในบรรยากาศที่แตกต่าง
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม