สถานทูตจีนแถลง สหรัฐฯ กำลังใช้กรณีไต้หวันยั่วยุและชะลอการพัฒนาของจีน
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามสื่อมวลชนเรื่องการเดินทางเยือนไต้หวันแห่งประเทศจีนของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
๑.ความเป็นมาของปัญหาไต้หวันเป็นอย่างไร
ไต้หวันเป็นของประเทศจีนตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน และเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่แบ่งแยกมิได้ นับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งในศตวรรษที่ 10 รัฐบาลจีนทุกสมัยต่างก็ได้จัดตั้งหน่วยงานบริหารราชการในไต้หวันอย่างเป็นลำดับ เพื่อปฏิบัติตามอำนาจการบริหารและปกครอง
วันที่ 1 เดือนตุลาคม ค.ศ. 1949 รัฐบาลกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับการสถาปนาขึ้นมา แทนที่รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐจีน และกลายเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงรัฐบาลเดียวของประเทศจีน และเป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวในประชาคมโลก จึงสามารถถือครองและใช้อำนาจอธิปไตยของประเทศจีนตามสิทธิ์อย่างทั่วไป ซึ่งรวมทั้งอธิปไตยเหนือไต้หวันด้วย
หลังจากสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาขึ้น กลุ่มอำนาจของพรรคก๊กมินตั๋งได้ถอยร่นไปยังมณฑลไต้หวันของจีน โดยได้รับการสนับสนุนจากอิทธิพลต่างประเทศ และกลายเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลกลาง จึงเป็นเหตุที่ทำให้ปัญหาไต้หวันเกิดขึ้นมา
เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1971 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติสมัยที่ 26 ได้ผ่านมติหมายเลขที่ 2758 ขับไล่ผู้แทนของทางการไต้หวันออกไป และฟื้นฟูที่นั่งและสิทธิชอบด้วยกฎหมายทั้งหมดของรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในสหประชาชาติ ต่อมาเดือนธันวาคม ค.ศ. 1978 จีนกับสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต โดยทางสหรัฐฯ ยอมรับว่ารัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงรัฐบาลเดียวของประเทศจีน และรับรองจุดยืนของจีนซึ่งก็คือ มีแค่ประเทศจีนเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ปัจจุบันมีจำนวนทั้งหมด 181 ประเทศที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนและต่างยอมรับว่า ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีน
๒. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯบอกว่าไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน ทำไมผู้นำสภาฯของสหรัฐฯ ยังดันทุรังเดินทางเยือนไต้หวัน
ปัญหาไต้หวันเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุดและละเอียดอ่อนที่สุดในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ทางสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำหลายครั้งในหลักการจีนเดียว และไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน เมื่อวันที่ 28 เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้หารือทางโทรศัพท์ตามนัดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้เน้นย้ำว่า สหรัฐฯ ยังคงยึดถือนโยบายจีนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง และสหรัฐฯไม่สนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน แต่การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ได้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ พูดอย่างทำอย่าง ไม่มีความน่าเชื่อถือและทำให้เครดิตของสหรัฐฯ สูญหายไปหมด
ปัจจุบัน สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันกำลังเผชิญกับความตึงเครียดและความท้าทายรุนแรงรอบใหม่ สาเหตุที่แท้จริงคือ ทางการไต้หวันและฝ่ายสหรัฐฯได้พยายามเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง ทางการไต้หวันต้องการพึ่งพาสหรัฐฯเพื่อแสวงหาเอกราช ส่วนสหรัฐฯ เองพยายามใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน และหนุนหลังให้มีกิจกรรมการแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน
๓.ประธานสภาฯ นางแนนซี เพโลซี เดินทางเยือนไต้หวันจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค
การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซีจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค นางเพโลซี เป็นผู้นำสภาคองเกรสของสหรัฐฯ คนปัจจุบัน การเดินทางเยือนไต้หวันอย่างเปิดเผยนั้น ถือว่าเป็นการกระทำทางการเมืองที่ยั่วยุอย่างรุนแรงในการยกระดับการไปมาหาสู่กันอย่างเป็นทางการระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน และก็เป็นการสนับสนุนต่อกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน
วัตถุประสงค์อันแท้จริงที่ทางสหรัฐฯ เล่นไพ่ไต้หวันใบนี้ คือจะใช้ไต้หวันในการควบคุมและกดขี่จีน ชะลอการพัฒนาของจีน รักษาสถานะความเป็นเจ้าของตนเองและผลักดันความเป็นอำนาจบาตรใหญ่ ซึ่งเป็นการเหยียบย่ำหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังผลักให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯไปสู่การเผชิญหน้าและเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ทำให้สถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันทวีความตึงเครียด จนอาจนำไปสู่เหตุการณ์และผลตามมาที่อย่างร้ายแรงยิ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
๔.จุดยืนและท่าทีของจีนเป็นอย่างไร
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน โดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างรุนแรงและการแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯอย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีน เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง และถือเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายจีนแสดงท่าทีคัดค้านอย่างเด็ดขาดและประณามฝ่ายสหรัฐฯ อย่างรุนแรง รัฐบาลและประชาชนจีนได้ใช้มาตรการที่เด็ดขาดและทรงพลัง และจะยังคงดำเนินการต่อไป เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างแน่วแน่ ทางสหรัฐฯและกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีนต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมด
ฝ่ายจีนเรียกร้องให้ทางสหรัฐฯ ยุติการเล่นไพ่ไต้หวัน เพื่อใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน ยุติการแทรกแซงกิจการของไต้หวันและกิจการภายในของประเทศจีน ยุติการสนับสนุนกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีนในทุกๆ รูปแบบ ยุติการพูดอย่างทำอย่างในปัญหาไต้หวัน และยุติการบิดเบือนทำลายหลักการจีนเดียว โดยให้ยึดมั่นในหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับ และนำคำมั่นสัญญาของผู้นำสหรัฐฯ มาปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งรวมทั้งไม่คิดที่จะทำสงครามเย็นใหม่กับจีน ไม่คิดที่จะเปลี่ยนระบอบของจีน ไม่คิดที่จะคัดค้านจีนโดยอาศัยการกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตร ไม่สนับสนุนการแยกตัวออกไปเป็นเอกราชของไต้หวัน และไม่ประสงค์ที่จะเกิดปะทะกันกับจีน โดยหลีกเลี่ยงการเดินต่อไปในเส้นทางที่ผิดพลาดและอันตราย
จีนกับไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี ค.ศ. 1975 เป็นต้นมา ฝ่ายไทยยึดมั่นในหลักการจีนเดียวมาโดยตลอด ซึ่งได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนในเอกสารสำคัญๆหลายฉบับ เช่น แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับราชอาณาจักรไทย แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยแผนงานความร่วมมือในศตวรรษที่ 21 ระหว่างจีน-ไทย แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน วิสัยทัศน์การพัฒนาสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทยในระยะยาว และแถลงการณ์ร่วมระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย ฝ่ายจีนเชื่อว่า ประเทศไทยยังคงเป็นมิตรประเทศของจีน
นายกฯ และคณะวางดอกไม้และยืนไว้อาลัย ให้ผู้เสียชีวิต หน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ต.อุทัยสวรรค์
สิทธิทำแท้งของนักศึกษา รอง ปธน.สหรัฐฯ เดินสายมหาวิทยาลัย หวังฐานนักศึกษาช่วยฟื้นสิทธิทำแท้งเสรี
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม