
เร่งผลิตต้นแบบตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิ ทดลองขนส่งทุเรียนภาคใต้ปลายปีนี้ กรมรางมั่นใจ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มปริมาณส่งออก
กรมรางผลักดันขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ผลิตต้นแบบตู้คอนเทนเนอร์ ใช้ทดสอบขนส่งทุเรียนภาคใต้ปลายปีนี้ เพื่อช่วยลดต้นทุน เพิ่มปริมาณส่งออก
จากการลงพื้นที่ติดตามแก้ไขปัญหาอุปสรรคการขนส่งสินค้าทางรางที่จังหวัดระยอง-จันทบุรี ของนายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง (สทร.) เพื่อสำรวจความต้องการของผู้ประกอบกิจการขนส่งทางรางแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Logistics) ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางให้มีมาตรฐานและรองรับความต้องการของตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกระดับการส่งออกของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาตินั้น
ได้มีการหารือในเรื่องกระบวนการการขนส่งสินค้าทางรางแบบควบคุมอุณหภูมิ พร้อมรวบรวมปัญหาอุปสรรคและหาแนวทางแก้ไขในกระบวนการขนส่งสินค้าทางรางแบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการขนส่งผลไม้ผ่านระบบการขนส่งทางรางเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดการลดต้นทุนการขนส่ง ลดระยะเวลาในการขนส่ง ทำให้สินค้าเกษตร ผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศมีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น และมีคุณภาพตามมาตรฐานกำหนด
โดยเฉพาะผลผลิตทุเรียนของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2565 มีปริมาณผลผลิต 1,250,000 ตัน ปริมาณการส่งออกทุเรียน 916,671 ตัน และมีมูลค่าการส่งออกทุเรียน 125,787 ล้านบาท ส่วนมากส่งออกทุเรียนไปจีน จำนวน 878,721 ตัน โดยมีมูลค่าการส่งออกทุเรียนไปจีน จำนวน 120,922 ล้านบาท ซึ่งทุเรียนสดมีปริมาณและมูลค่าการส่งออกมากที่สุด รองลงมาคือ ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง โดยสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดการณ์แนวโน้มผลผลิตทุเรียนของประเทศไทยในปี 2566 จะมีทุเรียนรวมทั้งประเทศประมาณ 1,492,819 ตัน
ขณะนี้สถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบรางอยู่ระหว่างผลิตต้นแบบตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมอุณหภูมิตามมาตรฐาน ให้พร้อมทดสอบใช้งานรองรับการขนส่งทุเรียนจากภาคใต้ซึ่งจะมีผลผลิตช่วงปลายปี โดยการส่งเสริมการเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิผ่านการขนส่งทางราง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งงานวิจัยและโครงการความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐดังกล่าว ถือเป็นจุดสำคัญในการการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาใช้การขนส่งทางรางมากขึ้น ก่อให้เกิดการสร้างศักยภาพทั้งการเดินทางการขนส่งทางราง ทำให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางรางได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ