วางมาตรฐาน มวยไทยทั้ง 5 ด้าน สอน-ตัดสิน-บริหาร-จัดแข่ง-องค์ความรู้
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567 น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าได้มีการวางแผนการส่งเสริมกีฬามวยไทยสู่ความเป็นสากล และเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ โดยมีคณะกรรมการกีฬามวย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นผู้กำกับการสร้างมาตรฐาน และผลักดันให้เกิดการยอมรับในระดับสากล
โดยมวยไทยถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน เป็นทั้งศิลปะการป้องกันตัวและเป็นกีฬาที่คนไทยภาคภูมิใจ อีกทั้งยังมีนักมวยที่คนไทยภาคภูมิใจอยู่หลายคนเช่น บัวขาว- ร.ท. สมบัติบัญชาเมฆ และรถถัง จิตรเมืองนนท์ – นายทินกร ศรีสวัสดิ์
รัฐบาลมีนโยบายผลักดันมวยไทยมาอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยในต่างแดนอย่างต่อเนื่องให้กับผู้สนใจเข้าร่วมเรียนรู้ทักษะมวยไทย ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านกีฬามวยไทย เพื่อให้มวยไทยกลายเป็นกีฬาที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้
ทั้งนี้ คณะกรรมการกีฬามวย และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ปรับปรุงมาตรฐานของกีฬามวยไทยเอาไว้ 5 ด้านได้แก่
1 หลักสูตรผู้ฝึกสอนมวยไทย
2 หลักสูตรผู้ตัดสินมวยไทย
3 หลักสูตรการบริหารจัดการค่ายมวย
4 หลักสูตรการจัดการแข่งขันมวยไทย
5 หลักสูตรด้านองค์ความรู้มวยไทย
โดยมี “สถาบันมวยไทยแห่งชาติ” ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย เป็นผู้ศึกษา และรวบรวมองค์ความรู้ในแต่ละด้าน และจัดตั้งศูนย์ทดสอบนำร่องขึ้นมา 5 ศูนย์ใน 5 ภาคประกอบด้วย
1 ภาคตะวันออก – ศูนย์ทดสอบมหาวิทยาลัย ม.บูรพา จ.ชลบุรี
2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – ศูนย์ทดสอบมหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น
3 ภาคเหนือ – ศูนย์ทดสอบมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จ.เชียงราย
4 ภาคใต้ – ศูนย์ทดสอบมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ จ.กระบี่
5 ภาคกลาง – ศูนย์ทดสอบการกีฬาแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ
เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ พัฒนาผลิตบุคลากรกีฬามวยไทยที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานต่อไป
น.ส. สุดาวรรณกล่าวว่า กระทรวงกำลังผลักดันให้กีฬามวยไทย ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งชนิดกีฬาในการแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ปี 2032 ณ เมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย และหวังว่า พรบ. กีฬามวย ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้นั้น จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขัน และความเชื่อมั่นให้กับภาคอุตสาหกรรมกีฬา นำมาซึ่งการยอมรับในระดับสากล และสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับนักกีฬามวยไทย