การกำหนดและดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. ต้องคำนึงถึงการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 4 พ.ค. 2567
จากการวิจารณ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ของ น.ส. แพรทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2567 ทำให้เกิดกระแสข่าววิจารณ์กลับว่าฝ่ายการเมืองพยายามที่จะแทรกแซงการทำงานของ ธปท.
จนทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ผศ. ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยรีบออกมาปฏิเสธว่า น.ส. แพรทองธารไม่ได้มีเจตนาที่จะแทรกแซงความเป็นอิสระของ ธปท. แค่อยากจะให้รับฟังความเห็นให้รอบด้าน
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์ X ส่วนตัววิจารณ์ ธปท. เช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ระบุว่า “แบงค์ชาติมีอิสระได้แต่ต้องมี accountability (ความรับผิดชอบ) ด้วย” จากนั้นตั้งคำถามว่าถ้าหาก ธปท. ทำตามเป้าหมายเงินเฟ้อให้อยู่ในช่วง 1%-3% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้ไม่ได้ จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ?
ถ้าหากอัตราเงินเฟ้อหลุดกรอบของ ธปท. ไปจนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากการบริหารและการตัดสินใจอย่างเป็นอิสระของ ธปท. จะรับผิดชอบหรือไม่ ? อย่างไร ?
ในวันที่ 4 พ.ค. นายชัย โพสต์ X ว่าฝ่ายการเมืองไม่ได้สั่ง และสั่งไม่ได้เพียงแต่เรียกร้องให้ ธปท.ปฏิบัติตามกฎหมาย พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่บัญญัติว่า“การกำหนดและดำเนินนโยบายการเงินของธปท.ต้องคำนึงถึงการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วย”
และตั้งคำถามว่า “ธปท.ได้คำนึงถึงการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลด้วยหรือไม่?” ก่อนที่จะกล่าวถึงบทบัญญัติใน พรบ. ฉบับเดียวกันว่า “รัฐบาลก็มีความชอบธรรมที่จะร่วมกำหนดนโยบายการเงินร่วมกับ ธปท.” และระบุว่า “รัฐบาลไม่ได้สั่ง แต่ กฎหมายสั่ง ครับ รัฐบาลสั่งไม่ได้ แต่ กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลมีสิทธิ์ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบครับ”
ทั้งนี้ ในวันที่ 5 พ.ค. นายชัยโพสต์ X ตั้งคำถามกับข้อวิจารณ์นักการเมืองในกระแสสังคม เรียกร้องให้มีการวิจารณ์กันที่แก่นสาระ อย่าเลยเถิดไปที่เรื่องตัวบุคคลด้วยวาทกรรมถากถาง เย้ยหยัน ด้อยค่า ดูแคลน โดยมุ่งโจมตีไปที่ตัวบุคคลเป็นหลัก
“ทั้งหมดที่ดราม่ากันมานั้น มันเป็นเพียงกระพี้! มันเป็น การ deal with the person, deal with the institute. (วิจารณ์ตัวบุคคล วิจารณ์ตัวสถาบัน) มุ่งที่จะด้อยค่าและแบ่งฝ่ายผู้คนเป็นหลัก หาประโยชน์อันใดต่อบ้านเมืองไม่ได้เลย
เรากลับมาโฟกัสกันที่ the issue (ประเด็น) อันเป็นเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองกันดีกว่าไหมครับ?” นายชัยระบุ