ขอแยกตัวเป็นเอกราช! คณะรัฐศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์-ปัตตานี จัดงาน ลงประชามติ ขอแยกตัวเป็นประเทศเอกราชจากไทย คนสำคัญจากพรรคประชาชาติและเป็นธรรมเข้าร่วม
7 มิ.ย. 66 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดงานเปิดตัว “ขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ (Pelajar Bangsa)” ณ ห้องประชุมศรีวังสา ของคณะรัฐศาสตร์ โดยในงานมีการกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “การกำหนดอนาคตตัวเอง (Self Determination) กับสันติภาพปาตานี” และแถลงการณ์ของประธานขบวนนักศึกษาแห่งชาติ
ในงานดังกล่าว พบบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมได้แก่
– ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ
– นายฮากิม พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม
– รศ.ดร.มารค ตามไท อดีต ผอ.สถาบันศาสนาวัฒนธรรมและสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่
ส่วนนายรอมฎอน ปันจอร์ ว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล ซึ่งมีชื่อว่าจะเข้าร่วมงานด้วยนั้น ในวันจริงไม่ได้มาเข้าร่วม
นายฮากิม พงตีกอ รองเลขาธิการพรรคเป็นธรรม ได้กล่าวว่า ต้องเริ่มจากรัฐธรรมนูฐมาตรา 1 ซึ่งระบุว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” เป็นกรอบแนวคิดด้านความมั่นคง แค่คิดก็ผิดกฎหมาย อีกทั้งมีความเชื่อมโยงกับกฎหมายอาญามาตรา 113, มาตรา 116 และกฎหมายพิเศษอื่น ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้ในงานยังมีการจัดทำกิจกรรมลงประชามติ ซึ่งในบัตรลงคะแนนมี 2 ใบ สีแดงและสีน้ำเงิน มีช่องให้กา “เห็นด้วย” และ “ไม่เห็นด้วย” ทั้ง 2 ใบ
ใบสีแดงมีเนื้อหาระบุว่า “คุณเห็นด้วยกับสิทธิในการกำหนดชะตาตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย ?”
ใบสีน้ำเงินมีเนื้อหาระบุว่า “คุณเห็นด้วยหรือไม่กับสิทธิในการกำหนดชะตาชีวิตตนเองหรือไม่ ที่จะให้ประชาชนปาตานีสามารถออกเสียงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชได้อย่างถูกกฎหมาย ?”
สำหรับนายสารีฟ สะแลมัน นักศึกษา มอ.ปัตตานี อายุ 20 ปี ได้อ่านบทกวีในงานซึ่งมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า
“เราเกิดมาจากชาติที่กตัญญูกตเวที กตัญญูต่อชาติและศาสนา นั้นคืออัตลักษณ์ของเรา
มลายูคือชาติของเรา ปาตานีคือแผ่นดินของเรา อิสลามคือศาสนาของเรา”
และนายอิรฟาน อูมา ประธานขบวนนักศึกษาแห่งชาติปาตานี Pelajar Kebangsaan Patani อายุ 22 ปี ได้กล่าวแถลงการณ์ ซึ่งในส่วนหนึ่งของเนื้อความระบุว่า
“Pelajar Bangsa (ขบวนนักศึกษาแห่งชาติปาตานี) คือองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง เกิดขึ้นจากการรวมตัวของปัจเจกนิสิต นักศึกษาชาวปาตานีที่เชื่อในการมีอยู่ของชาติปาตานี (Bangsa Patani) และต้องการกำหนดชะตากรรมตนเอง เราเคารพ คุณค่าประซาธิปไตยที่รักห่วงแหนและภักดีต่อชาติมาตุภูมิ”