
บารอนเจคอบ รอธไชลด์ มหาเศรษฐีผู้ใจบุญต่อชาวยิว อิสราเอล กับจุดเริ่มต้นของ โศกนาฏกรรมการความขัดแย้งในปาเลสไตน์
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา บารอนเจคอบ รอธไชลด์ บารอนรอดชายด์คนที่ 4 ได้เสียชีวิตที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร สิริรวมอายุได้ 87 ปี เป็นขุนนางแห่งสหราชอาณาจักร, นายธนาคารเพื่อการลงทุน, นักธุรกิจ และสมาชิกตระกูลนายธนาคารรอดชายด์
นอกจากนี้ เขายังถือได้ว่าเป็นผู้มีคุณูปการต่ออิสราเอลอย่างมาก ผ่านงานของมูลนิธิยัด ฮานาดิฟ (มูลนิธิ รอดชายด์) มูลนิธิที่อุทิศเพื่อพัฒนาอิสราเอลให้เป็นสังคมที่มีสุขภาพดี มีชีวิตชีวา และเป็นประชาธิปไตย มุ่งมั่นต่อค่านิยมของชาวยิว (ไซออนนิส – Zionism)
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2567 (ตามเวลาท้องถิ่น) นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้โพสต์ทวิตเตอร์เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่บารอนรอธไชลด์ว่า
“ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวรอธไชลด์ ต่อการจากไปของ ลอร์ดเจคอบ รอธไชลด์ ผู้ใจบุญที่มีชื่อเสียงระดับโลกและเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ของรัฐอิสราเอล
ในศตวรรษที่ 19 บารอน(วอลเทอร์) รอธไชลด์ได้มีส่วนสนับสนุนที่ขาดไม่ได้ในการวางรากฐานของรัฐยิวในอนาคต ในศตวรรษที่ 20 และ 21 ลอร์ดเจคอบ รอธไชลด์ ยังคงสานต่อประเพณีที่น่าภาคภูมิใจนี้ ชาวอิสราเอลจะระลึกถึงพระองค์ด้วยความกตัญญูและความซาบซึ้งชั่วนิรันดร์” [1]
และสื่ออิสราเอลต่างพากันลงบทความเพื่อสดุดีในตัวเขา [2][3][4] ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณูปการที่เขามีต่อประเทศอิสราเอล ในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการศึกษาของชาวยิวในอิสราเอล ในขณะที่สื่อโลกอาหรับกลับกล่าวว่า บารอนเจอคบ รอธไชลด์ปิดปากเงียบมาตลอด เมื่อเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเข้ายึดครองและล่าอาณานิคมในปาเลสไตน์ [5]
—
ตระกูลรอธไชลด์ เป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกการเงิน ซึ่งในเว็บไซต์ของบริษัท รอธไชลด์ แอนด์ โค เองยังระบุว่าตนเองเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีสาขามากกว่า 40 แห่งทั่วโลก [6]
ประวัติศาสตร์ของตระกูลรอธไชลด์ย้อนไปได้ไกลถึง ค.ศ. 1577 ในแฟรงค์เฟิร์ต, จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์(ปัจจุบันคือเยอรมนี) ประกอบธุรกิจค้าขาย และมีสายสัมพันธ์อันดีกับขุนนางศักดินา ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจธนาคารในเวลาต่อมา และแผ่ขยายอิทธิพลสู่ออสเตรีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และเนเปิลส์ (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอิตาลี) ก่อนที่จะแผ่นขยายอิทธิพลไปทั่วโลกในปัจจุบัน
ตระกูลรอธไชลด์มีบทบาทด้านการเงินในความขัดแย้งทางการเมืองระดับภูมิรัฐศาสตร์หลายครั้งไม่ว่าจะในสงครามนโปเลียนระหว่างจักรวรรดิฝรั่งเศส กับชาติพันธมิตรยุโรป (ค.ศ. 1803 – 1815)[7] และการประกาศอิสรภาพของบราซิล [8] และรวมไปถึงการให้เงินกู้ยืมแก่จักรวรรดิญี่ปุ่น เพื่อการทำสงครามในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อีกด้วย [9]
สำหรับการก่อตั้งประเทศอิสราเอล ตระกูลรอธไชลด์ถือได้ว่ามีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่ต้น โดยบารอนวอลเทอร์ รอธไชลด์ บารอนแห่งรอธไลด์คนที่ 2 (ลุงของบารอนเจคอบ รอธไชลด์) เป็นผู้นำในขบวนการไซออนิสต์ (Zionism) และเป็นผู้ผลักดัน “คำประกาศบัลโฟร์ (Balfour Declaration)” ใน ค.ศ. 1917 เพื่อผลักดันให้อังกฤษสนับสนุนการก่อตั้งรัฐยิวในปาเลสไตน์ [10]
อีกทั้งตระกูลรอธไชลด์ ยังเป็นผู้ให้การสนับสนุนการจัดตั้งประเทศอิสราเอลมาตั้งแต่ต้น ด้วยการให้เงินทุนสนับสนุนการเดินทางและตั้งรกรากของชาวยิวในดินแดนปาเลสไตน์ ซึ่งนั่นเป็นผลให้ชื่อของสถานที่ต่าง ๆ ในอิสราเอล ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่สมาชิกในตระกูลรอธไชลด์หลายแห่ง
ช่วงทศวรรษ 1880 ตระกูลรอธไชลด์ก่อตั้งมูลนิธิยัด ฮานาดิฟ เพื่อให้การสนับสนุนรัฐอิสราเอล ทั้งในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการปูรากฐานความแข็งแกร่งด้านทรัพยากรมนุษย์ให้แก่รัฐอิสราเอลมาโดยตลอด และบารอนเจคอบ รอธไชลด์เป็นประธานคนล่าสุดก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงไปเมื่อไม่นานนี้
และถึงแม้ว่ามูลนิธิยัด ฮานาดิฟของตระกูลรอธไชลด์ จะมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับด้านการทหาร และการใช้กำลังในการเข้ารุกราน แย่งชิงดินแดนจากชาวปาเลสไตน์ แต่สิ่งที่ตระกูลรอธไชลด์ไม่อาจปฏิเสธได้คือ พวกเขามีส่วนในการเริ่มต้น และเป็นผู้ให้การสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรจำนวนมากแก่รัฐอิสราเอล
ทำให้อิสราเอลมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจมากเพียงพอ ที่จะหล่อเลี้ยงกองทัพให้มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะยืนท่ามกลางวงล้อมของชาติมุสลิม และทำการโจมตีชาวปาเลสไตน์อย่างอุกอาจ สวนกระแสความต้องการสันติภาพของนานาชาติ
ถึงแม้ว่ามือของตระกูลรอธไชลด์จะมิได้เปื้อนเลือด แต่พวกเขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาเองก็มีส่วนในการสร้างโศกนาฏกรรมครั้งนี้เช่นกัน
อ้างอิง
[1] Benjamin Netanyahu, 27 Feb 2024, https://twitter.com/netanyahu/status/1762570533441331560
[2] The Jerusalem Post, “Jewish, British banker Jacob Rothschild dies aged 87”, https://www.jpost.com/diaspora/article-788949
[3] The Jerusalem Post, “Lord Jacob Rothschild, upheld family’s legacy to benefit UK, Israel, Jews worldwide”, https://www.timesofisrael.com/lord-jacob-rothschild-upheld-familys-legacy-to-benefit-uk-israel-jews-worldwide/
[4] The Times of Israel, “Lord Jacob Rothschild, banking dynasty scion, backer of Jewish causes, dies at 87”, https://www.timesofisrael.com/lord-jacob-rothschild-banking-dynasty-scion-backer-of-jewish-causes-dies-at-87/
[5] The New Arab, “Who was Lord Jacob Rothschild? What was his connection to Israel and Zionism?”, https://www.newarab.com/news/who-was-jacob-rothschild-what-his-connection-israel
[6] Rothschild and Co, https://www.rothschildandco.com/en/
[7] Niall Ferguson (2008), “The Ascent of Money: A Financial History of the World”, The Penguin Press HC, ISBN 978-1-59420-192-9
[8] Caroline Shaw (2003), “ROTHSCHILDS AND BRAZIL:An Introduction to Sources in The Rothschild Archive”, https://web.archive.org/web/20130921054512/http://lasa-2.univ.pitt.edu/LARR/prot/fulltext/vol40no1/Shaw.pdf
[9] Takahashi Korekiyo, “the Rothschilds and the Russo-Japanese War, 1904–1907”, https://web.archive.org/web/20070216130517/http://www.rothschildarchive.org/ib/articles/AR2006Japan.pdf
[10] Britannica, “Balfour Declaration United Kingdom [1917]”, https://www.britannica.com/event/Balfour-Declaration