Newsการลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยอะไร ธปท. ชี้การลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่จะเป็นการซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือน

การลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยอะไร ธปท. ชี้การลดดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่จะเป็นการซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือน

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2567 สำนักข่าวนิเคอิ เอเชียรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยปฏิเสธข้อเรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินเพื่อลดดอกเบี้ย ซึ่ง ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ปัญหาเชิงโครงสร้าง และวัฏจักรเศรษฐกิจของไทย จะไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพลิกกลับนโยบายการเงิน

 

ทั้งนี้ ดร. เศรษฐพุฒิ ให้สัมภาษณ์กับนิเคอิว่า ธปท. ไม่ได้ดื้อรั้นในเรื่องอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่สูงสุดในรอบทศวรรษ แต่ขอให้พิจารณาถึงเบื้องหลังของตัวเลขล่าสุดที่ชี้ว่า เศรษฐกิจเติบโตซบเซา และเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบ ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2566 ขยายตัวเพียง 1.9% ซึ่งผิดจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากงบประมาณปี 2567 ต้องล่าช้าเพราะการเมืองตกลงกันไม่ได้

 

อีกทั้งยังกล่าวว่า  3 ปัจจัยหลักที่เป็นสาเหตุให้เศรษฐกิจชะลอตัวมาจากปริมาณการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง, ปริมาณการสั่งซื้อปิโตรเคมีจากประเทศไทยของบริษัทจีนที่ลดลง และความล่าช้าในการกระจายงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาอะไร

 

นิเคอิรายงานว่า ธปท. กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบติดต่อกัน 4 เดือน จากการอุดหนุนราคาพลังงานของรัฐบาล รายได้จากภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกหดตัวลง แต่ในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2567 ธปท. กลับเพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องของรัฐบาล และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5%

 

ทั้งนี้ ธปท. ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมในการประชุมทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการกำหนดนโยบายโดยอ้างอิงจากข้อมูลทางเศรษฐกิจและอัตราอ้างอิงยังอยู่ในกลุ่มที่ต่ำที่สุดในโลก อีกทั้งจากบันทึกการประชุม สมาชิกในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจมีความไม่ชัดเจน และ ธปท. มีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่าง ดร. เศรษฐพุฒิกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น ดร. เศรษฐพุฒิกล่าวว่าเป็นไปอย่าง “มืออาชีพ” และ “จริงใจ” แต่เขาปฏิเสธว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะ “วิกฤติ” อย่างที่นายเศรษฐากล่าวเพื่อผลักดันนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต และ ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวย้ำว่า “การฟื้นตัวอ่อนแอ แต่ก็ฟื้น และกำลังฟื้นต่อ”

 

นอกจากนี้ ดร. เศรษฐพุฒิยังกล่าวว่าการลดอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันสมควรจะเป็นการคุกคามเสถียรภาพทางการเงินเนื่องจากหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับที่สูงมากกว่า 90% ของ GDP ซึ่งไม่ใช่จำนวนที่น้อยเลย และประเทศไทยใช้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาเป็นเวลานานแล้ว และถ้าหากลดลงไปอีก ก็จะกระตุ้นให้ประชาชนกู้ยืมมากขึ้น

 

“ผมคิดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งจะส่งสัญญาณที่ผิดในแง่ของการพยายามสร้างหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนมากขึ้น” ดร. เศรษฐพุฒิกล่าว





เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า