Newsเตรียมคิกออฟ เฟส 2 ’30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ เฟส 1 สำเร็จเกินคาด ใช้ AI แก้ปัญหาการเบิกจ่ายล่าช้าและซ้ำซ้อนได้ดี ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ครอบคลุมทั่วประเทศ

เตรียมคิกออฟ เฟส 2 ’30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ เฟส 1 สำเร็จเกินคาด ใช้ AI แก้ปัญหาการเบิกจ่ายล่าช้าและซ้ำซ้อนได้ดี ตั้งเป้าสิ้นปีนี้ครอบคลุมทั่วประเทศ

 

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2567 บอร์ด สปสช. เห็นชอบขยายพื้นที่รองรับการขับเคลื่อนนโยบาย ’30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ ระยะที่ 2 เพื่อเดินหน้านโยบายฯ ต่อใน 8 จังหวัดนำร่อง เตรียมพร้อมเริ่ม 1 มี.ค. 67 ขณะที่ สปสช. ลงพื้นที่เดินหน้าเชิญชวนหน่วยบริการนวัตกรรมวิถีใหม่เข้าร่วม ภาพรวมมีหน่วยบริการฯ ใน 8 จังหวัด สมัครเข้าร่วมให้บริการตามนโยบายฯ แล้ว 451 แห่ง

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวานนี้ (21 ก.พ.) ได้มีวาระการประชุมเรื่อง “การขยายพื้นที่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ในระยะที่ 2” 

 

ได้มีการรับทราบผลการดำเนินการนโยบายในระยะที่ 1 พร้อมทั้งมีมติเห็นชอบให้ขยายพื้นที่ขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวต่อตามนโยบายรัฐบาล และร่างประกาศฯ เรื่องการดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และการรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว

 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ 4 จังหวัด นำร่องนโบาย 30 บาทรักษาทุกที่ฯ ระยะที่ 1 ในส่วนที่เป็นบทบาทของ สปสช. ค่อนข้างประสบความสำเร็จในการสร้างระบบนิเวศการให้บริการภายใต้นโยบาย โดยมีหน่วยนวัตกรรมบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ เช่น คลินิกทันตกรรม คลินิกเวชกรรม ร้านยา ฯลฯ ที่มาเข้าร่วมให้บริการเพิ่มขึ้นถึง 541 แห่ง เกินจากเป้าหมายที่วางไว้ที่ 478 แห่ง ซึ่งช่วยให้ประชาชนมีหน่วยบริการปฐมภูมิใกล้บ้านใกล้ใจมากขึ้น 

 

รวมถึงการเชื่อมข้อมูลทุกระบบเพื่อการเบิกจ่ายในทุกหน่วยบริการ การใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจสอบก่อนจ่ายให้หน่วยบริการ และการใช้ระบบการแสดงตนยืนยันสิทธิหลังสิ้นสุดบริการ เหล่านี้ทำให้หน่วยบริการใน 4 จังหวัดนำร่องกว่า 70% ได้รับค่าบริการจาก สปสช. ภายใน 3 วัน ตามเป้าหมายที่วางไว้ และป้องกันการซ้ำซ้อนของข้อมูลได้อย่างดี โดยข้อมูลจากวันที่ 7 ม.ค. – 17 ก.พ. 2567 สปสช. จ่ายค่าบริการให้กับหน่วยบริการแล้วถึง 71,556,068 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบกำกับติดตามกระบวนการ เพื่อป้องกันการรับบริการซ้ำซ้อนภายในวันเดียวกัน หรือที่หลายคนเรียกว่า Shopping Around ตลอดจนการร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ในการจัดให้มีกลไกการกำกับการเข้าถึงบริการ และคุณภาพมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

 

วันนี้เราดำเนินการไปใน 4 จังหวัดนำร่อง ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้เสียงตอบรับเชิงบวกจากทุกภาคส่วนว่านับว่าเป็นความสำคัญในการเป็นก้าวแรกที่ได้เริ่มพลิกโฉมระบบบริการสุขภาพ และหลังจากนี้จะพัฒนาระบบและยกระดับขึ้นต่อไป โดยเป้าหมายของเราก็คือจะขยายไปทั่วประเทศในสิ้นปีนี้

 

“ส่วนการเข้าสู่ระยะที่ 2 เมื่อวันที่ 1 – 2 ก.พ. ที่ผ่านมาก็ได้มีการจัดกระบวนการ โดยเอา 4 จังหวัดนำร่องมาร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการกับ 8 จังหวัดเป้าหมายระยะที่ 2 คือ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี พังงา หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ นครราชสีมา และสระแก้ว 

 

และเตรียมแผนปฏิบัติการในการดำเนินการ ผมได้ไปนั่งฟังแผนปฏิบัติการของเขาก็ค่อนข้างมีความมั่นใจว่า 8 จังหวัดมีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการ โดยจะเริ่มเปิดงานคิกออฟระยะที่ 2 ที่ โคราชประมาณต้นเดือน มี.ค.” รมว.สาธารณสุข ระบุ

 

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในส่วนข้อมูลภาพรวมมีหน่วยบริการนวัตกรรมวิถีใหม่ได้สมัครเข้าร่วมให้บริการใน 8 จังหวัดแล้ว จำนวน 451 แห่ง ประกอบด้วย ร้านยา 281 แห่ง คลินิกการพยาบาล 86 แห่ง ทันตกรรม 50 แห่ง กายภาพบำบัด 12 แห่ง คลินิกเวชกรรม 8 แห่ง คลินิกเทคนิคการแพทย์ 5 แห่ง และคลินิกแพทย์แผนไทย 4 แห่ง เป็นต้น 

 

เมื่อแยกข้อมูลรายจังหวัด พบว่าแต่ละจังหวัดมีหน่วยบริการนวัตกรรมวิถีใหม่รวมให้บริการเพิ่มเติม ดังนี้ 1.เพชรบูรณ์ 55 แห่ง 2.นครสวรรค์ 73 แห่ง 3.สิงห์บุรี 13 แห่ง 4.สระแก้ว 35 แห่ง 5.หนองบัวลำภู 35 แห่ง 6.นครราชสีมา 205 แห่ง 7.อำนาจเจริญ 19 แห่ง และ 8.พังงา 16 แห่ง

 

อย่างไรก็ตามเพื่อเตรียมความพร้อม สปสช. ได้มีการลงพื้นที่ใน 8 จังหวัดที่จะขยายนโยบายเพิ่มเติมแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมและเชิญชวนผู้ประกอบการสถานพยาบาลภาคเอกชนเข้าร่วมบริการ โดยร่วมกับผู้แทนสภาวิชาชีพที่ร่วมให้บริการ อาทิ แพทยสภา สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา เป็นต้น 

 

รวมทั้งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งได้ลงพื้นที่แล้ว 6 ใน 8 จังหวัดที่ขยายเพิ่มเติม ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ นครราชสีมา อำนาจเจริญหนองบัวลำภู และสิงห์บุรี สำหรับอีก 2 จังหวัดนั้น ในวันที่ 27 ก.พ. จะลงพื้นที่จังหวัดพังงา และวันที่ 29 ก.พ. ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้วต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า