
บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค VS พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2567
สืบเนื่องจากกรณีที่มีชายพกอาวุธปืนเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านโชคชัย 4 กรุงเทพมหานคร (กทม.) และทำร้ายตัวเองในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2567 นั้น
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2567 น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภคกล่าวว่าควรจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเวลา และความเพิ่มความเข้มข้นของการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น เนื่องจากโรงพยาบาลนั้นควรจะเป็นสถานที่ปลอดภัย
จึงควรที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเข้ามาประจำการ ในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น อาจจะไม่ได้รับการอบรมมามากเพียงพอ
“เราคิดว่าตำรวจไปประจำที่ร้านทองที่มีคนมาใช้บริการน้อยกว่าโรงพยาบาลได้ ฉะนั้นการมาประจำที่โรงพยาบาลก็คิดว่าน่าจะมี เพื่อให้ประชาชนอุ่นใจ เราเสียบุคลากรไปกับร้านทองมาก แต่ทำไมโรงพยาบาลถึงไม่มีตำรวจเข้าไปดูแล หรืออยู่ประจำการ ควรมีตำรวจมาประจำที่โรงพยาบาลด้วย” น.ส.บุญยืน กล่าว
ด้านพล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่ยากจะตรวจสอบได้ก่อนว่าบุคคลดังกล่าวพกอาวุธติดตัวมาหรือไม่ เพราะดูภายนอกก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอย่างไร
อย่างไรก็ดี ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีแนวทางการรักษาความปลอดภัยร่วมกับโรงพยาบาลแต่ละแห่งอยู่แล้ว แต่เป็นไปในลักษณะที่มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไประงับเหตุ หลังจากที่ได้รับแจ้ง ในขณะที่การป้องกันการเกิดเหตุนั้นถือเป็นเรื่องยากเพราะกำลังตำรวจเองไม่เพียงพอที่จะไปดูแลได้ทุกโรงพยาบาล หรือทุกสถานที่
“อย่างโรงพยาบาลใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง มี รปภ.มากกว่า 1,000 คน แต่สถานีตำรวจที่อยู่ในพื้นที่ มีกำลังตำรวจรวมกันทั้งหมดแค่ 80 นาย ดังนั้น ตำรวจจึงอาศัยการทำงานร่วมกันกับ รปภ. ในโรงพยาบาล ประสานกันทันทีเมื่อมีเหตุเพื่อที่ตำรวจจะเข้าไประงับได้ทันที ซึ่งในแง่การตรวจสอบ หรือตรวจค้นอาวุธเบื้องต้นในโรงพยาบาล จึงสำคัญอย่างมากก่อนที่จะเกิดเหตุ” พล.ต.ท.อาชยน กล่าว