Articles“โปลิตบูโร” เสาหลักของพรรคการเมืองในระบอบคอมมิวนิสต์ ที่เป็นประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ในฝันของใครบางคน

“โปลิตบูโร” เสาหลักของพรรคการเมืองในระบอบคอมมิวนิสต์ ที่เป็นประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ในฝันของใครบางคน

ประโยคสะเทือนสังคมที่ คริส โปตระนันทน์ ได้กล่าวเอาไว้หลังจากการลาออกจากพรรคการเมืองหนึ่ง เป็นประโยคที่แสดงถึงความไม่พอใจต่อระบบโครงสร้างของพรรคการเมืองหนึ่งของไทย ที่ดูเหมือนจะมีความเป็นประชาธิปไตยในอุดมคติของหลาย ๆ คน แต่กลับมองข้ามความเห็นของมหาชนและให้ความสำคัญกับการตัดสินใจของคนเพียงไม่กี่คน จนดูเหมือนว่า อำนาจการตัดสินใจของพรรคอยู่ในมือของคนเพียงหยิบมือ และมีความคล้ายคลึงกับ “โปลิตบูโร” ซึ่งเป็นการผูกขาดอำนาจอย่างเห็นได้ชัด

 

            “โปลิตบูโร” คือ องค์กรคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างแกนกลางของพรรคการเมือง “โปลิตบูโร” มีอิทธิพลต่อการบริหารประเทศมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว คือ พรรคคอมมิวนิสต์ จึงทำให้ “โปลิตบูโร” เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการกุมอำนาจทางการเมืองอย่างสมบูรณ์

 

            อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคณะโปลิตบูโรของประเทศคอมมิวนิสต์ต่าง ๆ จะไม่ได้ปฏิเสธแนวคิดประชาธิปไตย โดยจะใช้วิธีดัดแปลงคุณค่าความคิดแบบประชาธิปไตยให้เป็นตามที่ตนต้องการ ซึ่งโดยมากจะอยู่ในรูปแบบของ “ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์” บ้าง “เผด็จการของบรรดากรรมาชีพ” บ้าง “ผู้ปลดแอกระบอบนายทุน” บ้าง แต่กลับปรากฏว่า บรรดาโปลิตบูโรของอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ส่วนใหญ่บนโลกนั้น กลับมีพฤติกรรมรวบอำนาจและสิทธิของพลเมืองมาเป็นของตนเอง และไม่สามารถเติมเต็มคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้มากมายกับประชาชนได้เลย

 

            หลายกรณีที่โปลิตบูโรในบรรดาอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ กลายเป็นกลไกทำหน้าที่กดขี่และทำลายล้างศักยภาพประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้อุดมการณ์สวยหรูบังหน้าความโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นในระบอบคอมมิวนิสต์ คำว่า “ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์” คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า โปลิตบูโรทำหน้าที่ผูกขาดและรวบประชาธิปไตยและความเท่าเทียมมาอยู่ในมือของตน รวมทั้งคอยชี้เป็นชี้ตายทุกอย่างในประเทศ โดยใช้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์เป็นเครื่องมือทางการเมือง

 

            แนวคิด “โปลิตบูโร” มีจุดเริ่มต้นจากประเทศสหภาพโซเวียตภายหลังการสถาปนาระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ใหม่ๆ ซึ่งในช่วงแรก “โปลิตบูโร” คือ คณะกรรมการกลางที่จะคอยทำหน้าที่ตัดสินใจนโยบายสำคัญๆ ร่วมกัน และมีการแบ่งอำนาจตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง รวมทั้งยังมีอำนาจครอบงำการปกครองภายในประเทศคอมมิวนิสต์ส่วนใหญ่โดยตรงในช่วงหลังอีกด้วย

 

            ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ขององค์กรการปกครอง “โปลิตบูโร” คือ การทำหน้าที่ร่วมกันในการบริหารพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการบริหารประเทศไปในเวลาเดียวกัน เพราะในประเทศคอมมิวนิสต์จะมีพรรคการเมืองหลักที่มีอำนาจจริงเพียงแค่พรรคเดียว คือ พรรคคอมมิวนิสต์หรือพรรคแรงงาน โดยในบางประเทศแม้แต่โครงสร้างระบบบริหารประเทศหรือกองทัพเองยังอยู่ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ด้วยซ้ำ

 

            อย่างไรก็ดี วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้กับการปฏิบัติจริงอาจจะแตกต่างกันอย่างสุดขั้วก็เป็นได้ อย่างเช่น สหภาพโซเวียตที่ระบบโปลิตบูโรได้เริ่มมีรูปแบบกระชับอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางมากขึ้นเมื่อผู้นำประเทศมีแนวคิดที่ต้องการกระชับอำนาจเข้าสู่ตนเอง รวมทั้งคุณค่าทางการเมืองที่พรรคคอมมิวนิสต์ฝันไว้ว่าจะทำให้เป็นจริง แต่นอกจากความฝันที่ไม่เป็นจริงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นดันกลายเป็นฝันร้ายที่มาจากแนวคิดคอมมิวนิสต์ไปเสียอีก

 

            การใช้คนไม่กี่คน หรือคนเดียวในการตัดสินใจเชิงนโยบายทุกเรื่อง โดยขาดข้อมูลการตัดสินใจที่เพียงพอ การใช้อุดมการณ์สวยหรูในการแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวหรือพวกพ้อง หรือแม้แต่การกีดกันผลประโยชน์ของผู้อื่นที่อาจขัดผลประโยชน์ของตนในรูปแบบต่างๆ ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงในประเทศอดีตคอมมิวนิสต์และได้กลายเป็นจุดอ่อนสำคัญของระบบโปลิตบูโรเลยทีเดียว

 

            เพราะอย่าลืมว่า จุดขายของระบบโปลิตบูโร คือ การเป็นตัวแทนของประชาธิปไตย ความเท่าเทียม และสิทธิเสรีภาพต่าง ๆ ของประชาชนทุกคนในฐานะผู้บริหารพรรคการเมืองหลักเพียงหนึ่งเดียวของประเทศ ซึ่งสามารถเรียกรูปแบบประชาธิปไตยแบบนี้ได้ว่า “ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์” เพราะถึงแม้จะมีการเลือกตั้ง และมีการหยิบอุดมการณ์เพื่อประชาชนมาใช้งานจริง แต่กลับเป็นการครอบงำประชาธิปไตยในนามของพรรคคอมมิวนิสต์ แทนที่จะเป็นประชาธิปไตยแบบกระจายตัวที่ประเทศเสรีประชาธิปไตยส่วนใหญ่ใช้งานอยู่ในรูปแบบของการเลือกตั้ง การตรวจสอบที่โปร่งใส และการเปิดกว้างต่อความเห็นต่างทางการเมืองที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริง

 

            ดังนั้น โปลิตบูโรในฐานะโครงสร้างหลักของคุณค่าความคิดแบบประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ จึงเป็นคณาธิปไตยหรือการกระจุกอำนาจอยู่ที่คณะบุคคลระดับสูง ที่มีการใช้อุดมการณ์เพื่อประชาชนมาบังหน้าความต้องการที่จะครอบงำความคิดของผู้คนในประเทศอย่างแท้จริง และเพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีใครคิดต่างจากความคิดแบบประชาธิปไตยที่โปลิตบูโรหรือผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์กำหนดไว้ และหากเกิดมีคนที่คิดต่างจริงๆ นอกจากคนคิดต่างจะโดนสาธารณชนด้อยค่าแล้ว ยังอาจโดนเพ่งเล็งจากอำนาจของรัฐคอมมิวนิสต์ระดับสูงอีก ซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องมือทางการปกครองที่มีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะเริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้นในระยะหลังๆ ก็ตาม ซึ่งเห็นได้จากจำนวนของประเทศคอมมิวนิสต์ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

 

            สุดท้าย โปลิตบูโร คือตัวอย่างของเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้อุดมการณ์อันสวยหรูเพื่อประชาชน มาเพื่อรวบอำนาจและเป็นตัวแทนของความคิดประชาธิปไตยแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งการเข้าใจความหมายเนื้อแท้ของโปลิตบูโร จะทำให้เข้าใจความหมายของคำว่า “ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์” และ “ประชาธิปไตยแบบกระจายตัว” ได้อย่างชัดเจน เพราะสองคำนี้ถึงแม้จะดูคล้ายกัน แต่ความจริงแล้วกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

            เพราะ “ประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์” คือ ประชาธิปไตยที่ผูกขาดความจริง ผูกขาดความต้องการ ผูกขาดสิทธิของผู้อื่นให้อยู่ในมุมมองของตนเองและพวกพ้องทั้งหมด โดยอ้างว่าเป็นแนวคิดที่ดีที่สุด ทันสมัยที่สุด และพร้อมที่จะกีดกันคุณค่าประชาธิปไตยแบบอื่นๆ ที่ไม่เข้ากับคุณค่าทางการเมืองหลักของตน ซึ่ง “โปลิตบูโร” ก็คือหนึ่งในตัวอย่างของโครงสร้างการปกครองที่ไส้ในเป็นประชาธิปไตยแบบรวมศูนย์ที่เห็นได้ชัดเจนและจับต้องได้

 

            ในขณะที่ “ประชาธิปไตยแบบกระจายตัว” คือ ประชาธิปไตยที่เปิดกว้างยอมรับทุกความเห็น และน้อมรับทุกความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวม มากกว่าที่จะมาผูกขาดประชาธิปไตย ผูกขาดอุดมการณ์สวยหรู ให้อยู่ในอุ้งมือของคนเพียงไม่กี่คน แทนที่จะให้พลเมืองทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์สังคมภาพรวมให้เติบโต และพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืนด้วยกำลังมันสมองของพลเมืองในชาติ โดยในระยะยาว ประชาธิปไตยแบบกระจายตัวจะเป็นหลักประกันที่สำคัญในการรักษาไว้ซึ่งคุณค่าความคิดประชาธิปไตยในอนาคตให้ยั่งยืนต่อไป

 

โดย ชย

อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า