พิธาคุย 6 พรรคพลิกขั้วฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลพิธาชี้รัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพดร.ธนพรเตือน ‘อย่าไว้ใจเพื่อไทย’
เมื่อวานนี้ พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ เชิญพรรคเพื่อไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคไทยสร้างไทย, พรรคเสรีรวมไทย และพรรคเป็นธรรม ร่วมหารือเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ที่ร้านอาหาร CHEZ MILINE ถ.สุโขทัย เขตดุสิต กรุงเทพฯ
บรรยากาศ เป็นไปด้วยความชื่นมื่น ทุกคนมีรอยยิ้ม มีการพูดคุยหยอกล้อและโอบกอดกันอย่างเป็นกันเอง แต่ไม่มีใครให้รายละเอียดอะไร นอกจากคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ที่ให้สัมภาษณ์ว่า การหารือมีความชัดเจน สะท้อนความเป็นเอกภาพในการจัดตั้งรัฐบาล
นอกจากนี้ คุณพิธายังระบุอีกด้วยว่า ขอให้มั่นใจในเรื่องของความเป็นเอกภาพและความชัดเจนในการทำงาน พร้อมขอให้ประชาชนทุกคนสบายใจ ไม่มีความไม่แน่นอนอะไรที่ประชาชนวิตกกังวล โดยจะพยายามทำให้เกิดเสถียรภาพในการบริหารประเทศให้มากและเร็วที่สุด ส่วนอุบัติเหตุทางการเมืองที่อาจจะมีบางฝ่ายกังวลนั้น ยืนยันว่าไม่มี
อย่างไรก็ดี รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ได้ออกมาเตือนว่า “พรรคก้าวไกลจะได้จัด แต่จัดไม่ได้” เนื่องพรรคก้าวไกล ไม่มีกระบวนการประสานงานกับวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ชัดเจน อีกทั้งสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนพรรคยังมีท่าทีที่ก้าวร้าวพร้อมชนกับ ส.ว. มากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควร
ในเวลานี้พรรคก้าวไกลไม่ใช่ฝ่ายค้านแล้ว แต่เป็นช่วงเวลาที่ต้องการการสนับสนุนจากผู้ที่เห็นต่าง ให้หันมาสนับสนุน ดังนั้นการแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวจะทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี แนะนำให้เล่นบทนักประสานงานให้มากขึ้น
นอกจากนี้ บทบาทการประสานงานนั้นมีความสำคัญกับพรรคก้าวไกลในอนาคตอีกด้วย เพราะการดำเนินงานของรัฐบาลนั้น ไม่สามารถใช้เพียงเสียงของรัฐบาลได้ แต่ต้องใช้ความร่วมมือ ร่วมใจจากคนในหลายๆ ฝ่ายด้วย ซึ่งหากสามารถผ่านด่านการขอความร่วมมือจาก ส.ว.สายรัฐบาลชุดเก่าได้ ก็จะสามารถขอความร่วมมือจาก ผบ.ทบ., ปลัดกระทรวงมหาดไทย ,ศาลยุติธรรม และอธิบดีกรมต่างๆที่ดูแลด้านกฎหมายอยู่ได้ ตามนโยบายปฏิรูปด้านต่างๆ ของพรรคก้าวไกล หากทำได้ 66เสียงที่ต้องการ จะไม่ใช่อุปสรรคใหญ่
อุปสรรค์ใหญ่ที่แท้จริงของพรรคก้าวไกลคือ “พรรคเพื่อไทย” เพราะพรรคการเมืองที่ไม่อยากให้พรรคก้าวไกลได้ดี ถึงแม้ว่าในเวลานี้พรรคเพื่อไทยจะมีท่าทีสนับสนุนพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ถ้าหากพรรคก้าวไกลไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ครบ 376 เสียง พรรคเพื่อไทยก็จะได้สิทธิในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน
รศ.ดร. ธนพรวิเคราะห์ว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะเริ่มประสานงานกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยบ้างแล้ว โดยสามารถเรียกประชุมสภาได้ใหม่ใน 1สัปดาห์ เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่
นอกจากนี้ยังแนะด้วยว่าหากวันเลือกประธานสภา หากมีการโหวตเลือกให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นประธานจากการเสนอชื่อของพลังประชารัฐ นั่นเป็นสัญญาณว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่เอาด้วยกับสูตรตั้งรัฐบาลแบบพรรคก้าวไกล