กอบศักดิ์ชี้ เงินทุนไหลออก เพราะตลาดโลกเริ่มฟื้น บวกกับความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย เตือน ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่มาแน่
15 มิ.ย. 66 กรุงเทพธุรกิจจัดงานสัมมนา “Investment Forum: New Chapter, New Opportunity” โดยมี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ “นโยบายรัฐบาลใหม่ ชี้ชะตา Fund Flow ตลาดหุ้นไทย”
ดร. กอบศักดิ์ได้อธิบายถึงความผันผวนในตลาดหุ้นไทยภายหลังการเลือกตั้ง Fund Flow ไหลออกติดลบทั้งหมด เกือบ 3 พันล้านที่หายไป ไหลเข้าจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และอเมริกา ซึ่งผิดกับปีที่แล้วที่เงินเหล่านั้นไหลออกมาเพื่อหลบภัยอยู่ที่ประเทศไทย สร้างความกังวลใจว่า Fund Flow เหล่านั้นจะไหลกลับเข้ามาหรือไม่ ? แล้วยิ่งเรามีปัญหาในเรื่องของรัฐบาล จะมีนัยยะกับเงินไหลเข้าประเทศในอนาคตหรือไม่ ?
แต่ในขณะเดียวกัน ตลาดพันธบัตรไทยยังมีเงินไหลเข้ามาเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทย ไม่ได้เสียแรงดึงดูดไปทั้งหมด และตลาดพันธบัตรอเมริกา มีเงินเข้ามามากถึง 3 แสนล้าน เช่นเดียวกับตลาดพันธบัตรของชาติอื่นที่มีเงินไหลเข้าประเทศเช่นกัน
การที่เงินไหลออก ตลาดหุ้นไทยมี Performance ไม่ดีในปีนี้ มีบริบทมาจากปีที่แล้ว ซึ่งโลกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา ตลาดหุ้นทั่วโลกตก แต่ประเทศไทยกลับยังมีเสถียรภาพเป็นบวก นักลงทุนเห็นว่าประเทศไทยเป็น Safe Heaven หลุมหลบภัยชั้นดี เขาจึงย้ายเงินลงทุนมาหลบภัยในประเทศไทย
แต่ในวันนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแล้ว ตลาดหุ้นประเทศอื่นกลับมาคึกคัก เงินจึงไหลออกกลับไปหาผลตอบแทนที่เหมาะสม แต่ไทยกลับมีปัญหาทางการเมือง สร้างความไม่แน่นอน
เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกายังคงมีปัญหาในการควบคุมสภาวะเงินเฟ้อในประเทศ ซึ่งทำให้ธนาคารกลางสหรัฐยังคงต้องใช้มาตรการในการแก้ไขวิกฤตินานขึ้นและแรงขึ้นกว่าที่คาด กลายเป็นปัจจัยปั่นป่วนตลาด ภาวะถดถอย (Recession) กำลังมา จะสูงและมีผลกระทบมากกว่าที่คาด
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers’ Index: PMI) ในกลุ่มผู้ผลิตตกลงทั้งในอเมริกา, ยุโรป และจีนตกลงหมด แต่ในจีนดัชนี PMI ในภาคการบริการยังเป็นบวก หมายความว่าการส่งสินค้าไปขายในจีนยังไปได้ แต่กระบวนการการผลิตในโลกเริ่มมีปัญหา
ตัวเลขการส่งออกในเกาหลีใต้, มาเลเซีย และอินโดนีเซียติดลบ สะท้อนให้เห็นว่าผลกระทบจากการอ่อนแรงของเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบถึงทุกคนแล้ว ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน