ขับไล่โรฮิงญา ผู้ชุมนุมชาวอินโดนีเซียบุกค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา เพื่อกดดันให้ทางการเนรเทศชาวโรฮิงญา
กลุ่มนักศึกษาชาวอินโดนีเซียบุกเข้าไปยังศูนย์การประชุมแห่งหนึ่งซึ่งถูกใช้เป็นค่ายผู้อพยพชาวโรฮิงญาจากเมียนมาร์ ในเมืองบันดาอาเจะห์ เมื่อวันพุธ (27 ธ.ค.) เพื่อกดดันให้ทางการเนรเทศชาวโรฮิงญา
คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นภาพของกลุ่มนักศึกษา ซึ่งหลายคนสวมแจ็กเก็ตสีเขียว กรูกันเข้าไปในพื้นที่ชั้นใต้ดินขนาดใหญ่ของอาคาร ซึ่งมีชาย หญิง และเด็ก ชาวโรฮิงญากว่าร้อยคน กำลังนั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพาตัวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาออกไปขึ้นรถบรรทุกเพื่อเดินทางไปยังค่ายอีกแห่งหนึ่งในเมืองบันดาอาเจะห์ ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมมองดู
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุในถ้อยแถลงว่า “รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งที่เห็นกลุ่มผู้ชุมนุมบุกเข้าไปในที่พักพิงของครอบครัวผู้ลี้ภัยที่เปราะบาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง” พร้อมกับเรียกร้องให้มีการคุ้มครองที่ดีขึ้น
ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาเผชิญกับความเป็นปรปักษ์ และถูกปฏิเสธโดยชาวอินโดนีเซียมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ชาวบ้านในพื้นที่รู้สึกไม่พอใจที่เห็นเรือบรรทุกชนกลุ่มน้อยที่หลบหนีจากการถูกกดขี่ในเมียนมาร์เดินทางมายังประเทศของตนมากขึ้นเรื่อยๆ
ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย กล่าวโทษว่าจำนวนผู้ลี้ภัยที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงนี้ เป็นผลมาจากการค้ามนุษย์ พร้อมให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อจัดหาที่พักพิงชั่วคราวให้คนเหล่านี้
จากข้อมูลของ UNHCR เผยว่าชาวโรฮิงญากว่า 1,500 คนได้ขึ้นฝั่งอินโดนีเซียตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
ผู้ลี้ภัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างเดือน พ.ย.-เม.ย. ซึ่งเป็นช่วงที่ทะเลสงบ โดยจุดหมายปลายทางของชาวโรฮิงญาที่เดินทางโดยเรือได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย
แม้ว่าอินโดนีเซียไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติปี ค.ศ.1951 ว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัย แต่ก็มีประวัติการรับผู้ลี้ภัยที่เดินทางมาถึงอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง