เผยอันตรายจากคอร์สธุรกิจฉาบฉวย อินฟลูฯ ธุรกิจเผยภัยเงียบ ที่ทำให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ล้มเหลวมามาก ชี้ 3 วิธีการแยกแยะระหว่างตัวปลอมกับกูรูตัวจริง
เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2567 นายโจ จิตนารินทร์ อินฟลูเอ็นเซอร์ด้านการบริหารธุรกิจ เจ้าของช่องยูทูป I am Joe Jitnarin ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอของเขาผ่านช่องยูทูป โดยมีพาดหัวว่า “เบื้องหลังธุรกิจคอร์ส ทำไมถึงอันตรายกว่าที่คิด” โดยมีคำอธิบายประกอบว่า
“ในธุรกิจขายคอร์สที่กำลังโตอย่างรวดเร็ว มันมักจะมีสิ่งที่ไม่ดีตามมาเสมอ ในวีดีโอนี้ผมจะมาเจาะลึกถึงเบื้องหลังธุรกิจคอร์สสอน และให้ความรู้ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ไม่ตกเป็นเหยื่อคอร์สคุณภาพต่ำครับ”
นายโจกล่าวว่าในปัจจุบันมีคอร์สออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้คนไทยเลือกที่จะเรียนรู้อะไรก็ได้ แต่ปัญหาที่ซ่อนมากับตลาดความรู้ที่โตไวขนาดนี้ก็คือ คนที่เข้ามาอย่างฉาบฉวย เสนอขายคอร์สคุณภาพต่ำ แต่โปรโมทตัวเองดี มีการฉีดเงินค่าโฆษณา โดยไม่สนใจผลกระทบของลูกค้าของตนเอง
คอร์สลักษณะนี้มีลักษณะและแนวทางการทำตลาดไปในทิศทางเดียวกันคือ บอกว่ามีเคล็ดลับ เทคนิคเปลี่ยนชีวิต หรือไม่ก็บอกว่าอยากจะช่วยให้ผู้คนมีรายได้ และทุก ๆ คอร์สจะมีที่นั่งจำกัด
“ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจนะครับว่าคอร์สออนไลน์ ที่อัดแล้วขายเนี่ย จะมีที่นั่งจำกัดได้ยังไง” นายโจกล่าวก่อนที่จะเผยว่ามันเป็นเพียงเทคนิคการตลาดเพื่อเร่งให้เกิดการตัดสินใจซื้อเท่านั้น ซึ่งนี่อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มีมือใหม่หลายคนที่เริ่มต้นลงทุนในธุรกิจและได้รับความเสียหายจากการมีชุดข้อมูลทางธุรกิจที่ไม่ดีมากเพียงพอ มีหลายคนได้รับผลกระทบแต่ไม่ค่อยมีใครอยากจะพูดถึง
คนขายคอร์สคุณภาพต่ำเหล่านี้เพียงไปหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต แล้วนำมาทำคอร์สขาย ในขณะที่ครู อาจารย์เก่ง ๆ ที่เป็นตัวจริง มักจะทำการโปรโมทตัวเองได้ไม่เก่ง เพราะพื้นฐานของพวกเขาคือการสอน และการที่เขาจะมาโปรโมทตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่ขัดต่อความเป็นตัวตนของพวกเขา จึงทำการตลาดแข่งกับนักขายคอร์สไม่ได้
การอ่านรีวิวก็ไม่สามารถใช้เป็นตัวตัดสินได้ เนื่องจากในทุกวันนี้สามารถปลอมแปลง หรือจ้างหน้าม้า (IO) มาทำได้ จึงทำให้การแยกแยะระหว่างตัวจริงกับตัวปลอมเป็นไปได้ยาก และในบางครั้งตัวปลอมก็ไปลอกเนื้อหามาจากตัวจริงด้วย แต่ทำโปรโมทได้ดีกว่า
“คำว่าเคล็ดลับมันไม่มีจริง โดยเฉพาะเคล็ดลับในการหาเงินเยอะ ๆ มันไม่มีใครเอามาขายเป็นคอร์สหรอกครับ ถ้าความรู้นั้นมันล้ำค่าจริง ๆ เราจะเอามาแลกกับเงินหลักพัน หลักหมื่นทำไม? เราเก็บเงียบ ๆ แล้วส่งต่อให้ลูกหลานไม่ดีกว่าเหรอ เราจะขายความลับแล้วเพิ่มคู่แข่งในตลาดไปเพื่ออะไรกัน” นายโจกล่าว ก่อนที่จะกล่าวว่า
“ในการตลาด ไม่ว่าจะเป็นกลวิธีที่ดีแค่ไหน ถ้ามีคนใช้ซ้ำกันเยอะประสิทธิภาพมันก็จะลดลงแน่นอน ต่อให้ตลาดมันใหญ่แค่ไหนก็เถอะครับ”
เขายกตัวอย่าง ลิซ่า Blackpink ว่าถ้าหากเธอรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของทุก ๆ บริษัทใครให้ไปโปรโมทอะไรก็ไป ก็จะทำให้อิทธิพลและประสิทธิภาพของเธอลดลง ซึ่งวิธีการทำการตลาดเองก็เป็นเช่นเดียวกัน คือจะถูกบั่นทอนให้น้อยลง
วิธีการที่มักจะถูกนำมาขายนั้น มักจะเป็นวิธีการที่เคยได้ผลในอดีต แต่ในปัจจุบันนั้น แทบจะไม่ได้ผลไปแล้ว จึงเป็นการดีกว่าที่จะนำมาขายเป็นคอร์ส หรือวิธีการที่นำมาขายนั้น ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด จึงนำมาขายเป็นคอร์สจะทำเงินได้ดีกว่าการที่เขาทำเอาไปลงมือทำจริง ๆ
นายโจกล่าวว่าคนทำคอร์สฉาบฉวยแบบนี้มักจะอยู่ไม่ยั่งยืน เพราะสิ่งที่ขายนั้นเป็นเพียงมุกทางการตลาด ที่เมื่อใช้แล้วก็หมดไป ทำให้อยู่ได้ไม่นาน อีกทั้งเนื้อหาที่ถูกนำมาสอนเหล่านี้ มักจะพบได้โดยทั่วไปอยู่แล้ว หากลงแรงสืบค้นสักหน่อย
ซึ่งคนที่เป็นตัวจริง จะมีความสามารถและประสบการณ์จริงในการนำข้อมูลความรู้เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้จริง และสามารถนำเอาไปต่อยอดได้จริง ซึ่งที่เขาออกมาพูดเช่นนี้นั้น เพราะเขาไม่ต้องการให้หลายคนตกเป็นเหยื่อของการตลาดเท่านั้น
นายโจกล่าวว่า มีวิธีสังเกตดูคอร์สเล่านี้อยู่ 3 วิธี
1 อย่าดูที่ราคา
โดยทั่วไปแล้วนักขายคอร์สจะรู้พฤติกรรมของผู้ซื้อว่าจะพิจารณาจากราคาประกอบ จึงมักจะตั้งราคาสูง ๆ เอาไว้ก่อน คนที่ตั้งราคาถูกแต่ดีจึงโดนมองว่าด้อยคุณภาพไปด้วย โดยเขายกตัวอย่างคุณครูท่านหนึ่งซึ่งตั้งราคาถูก เนื่องจากต้องการหารายได้เสริม แต่ไม่ต้องการจะสร้างภาระให้แก่ผู้ปกครองเด็ก จึงตั้งราคาถูกกว่าราคาตลาด
“คนที่มีจิตวิญญาณอยากจะเป็นผู้ให้จริง ๆ ส่วนใหญ่มักจะตั้งราคาที่ต่ำเกินกว่าความเป็นจริงเสมอ” นายโจกล่าว ก่อนจะระบุว่าผู้ให้ตัวจริงสุดท้ายแล้วมักจะอยู่ไม่ได้ เพราะแพ้การโปรโมทของตัวปลอม และย้ำว่าราคาของคอร์สไม่จำเป็นต้องแพงเลย บางคอร์สราคาหลักร้อย แต่ดีกหว่าคอร์สหลักพัน หลักหมื่นก็มี
2 อย่าไปเชื่ออะไรทั้งนั้น
นายโจกล่าวว่า อย่าไปเชื่อคำมั่นสัญญาอะไรทั้งนั้น เนื่องจากเขาจะพูดอะไรก็ได้ในระหว่างการขาย แต่เมื่อเราจ่ายเงินไปแล้ว เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาสัญญาใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ตัวปลอมมักจะทำคอนเทนต์แบบกั๊กข้อมูล และขายด้วยการใช้ความกลัว เช่นถ้าเราไม่ลงคอร์สกับเขา เราจะพลาดโอกาสไป
คนแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะไปเรียนรู้จากเขา เพราะคนที่เก่งจริงจะไม่พูดอะไรแบบนี้ส่วนการกั๊กข้อมูลนั้น เป็นเพราะข้อมูลที่คนพวกนี้มี ความจริงแล้วไม่ได้หาได้ยากอะไรเลย การพิจารณาควรดูจากเนื้องาน ถ้าหากไม่มีเนื้องานให้เราดู ให้ตัดออกไปได้เลย
3 อยู่มานานแค่ไหน
นายโจกล่าวว่า คนที่อยู่รอดได้ในระยะยาว คือตัวจริง ในขณะที่หน้าใหม่จะโปรโมทตัวเองด้วยการใช้แบรนด์เนมหรู ทุ่มเงินยิงโฆษณาให้เป็นที่รู้จัก แต่ไม่ได้แปลว่าเขาเก่ง คนที่เก่งจริง ๆ คือคนที่อยู่ได้นานต่างหาก โดยได้ยกตัวอย่างรุ่นพี่ของเขาที่ขายคอร์สหัวข้อเดิม ๆ มาหลายสิบปี
แต่ไม่ว่าตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เขาก็ยังสามารถสรุปแนวคิดและความรู้ที่ซับซ้อนเพื่อถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ ซึ่งนั่นทำให้ลูกศิษย์ของเขาสามารถนำเอาไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ และยังคงมีฐานลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งอยู่ดี ซึ่งคนที่เก่งจริงต้องเป็นแบบนี้
ในตอนท้ายนายโจกล่าวว่า ไม่ต้องการให้เกิดการเหมารวมว่าคนขายคอร์สทั้งหมดนั้นไม่ดี เพราะนั้นไม่ยุติธรรมกับคนที่มีความสามารถในการถ่ายทอดองค์ความรู้ตัวจริง