แบนอาหารทะเลจากญี่ปุ่นฮ่องกงเตรียมแบนอาหารทะเลบางชนิด จาก 10 จังหวัดญี่ปุ่นที่ปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีโดยจะเริ่มมาตรการวันที่ 24 ส.ค. นี้
จอห์น ลี ผู้นำฮ่องกงกล่าวเมื่อวานนี้ (22 ส.ค.) ว่าเขาคัดค้านอย่างรุนแรงต่อแผนการปล่อยน้ำกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเล และฮ่องกงจะดำเนินการควบคุมการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นในทันที
ญี่ปุ่นจะเริ่มการปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะที่ผ่านการบำบัดแล้วกว่า 1 ล้านตันลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในวันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) โดยยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวนั้นปลอดภัย ทั้งนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากเหตุการณ์สึนามิในปี 2554 และน้ำเกือบทั้งหมดถูกใช้เพื่อลดอุณหภูมิเตาปฏิกรณ์ที่ได้รับเสียหาย
แม้ว่าแผนการปล่อยน้ำปนเปื้อนของญี่ปุ่นจะได้รับการรับรองจากหน่วยงานเฝ้าระวังด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (UN) แต่แผนการปล่อยน้ำปนเปื้อนดังกล่าวยังคงถูกต่อต้านอย่างรุนแรงทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งจีน จากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร
ผู้นำฮ่องกงกล่าวว่า การปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเลนั้นเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ และเสี่ยงกระทบต่อความปลอดภัยของอาหาร ตลอดจนสร้างมลภาวะและทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ พร้อมสั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการควบคุมการนำเข้าทันทีเพื่อปกป้องความปลอดภัยของอาหารและสุขภาพของประชาชน
รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมฮ่องกงแถลงว่า รัฐบาลจะห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลทั้งหมด ทั้งที่มีชีวิต แช่แข็ง แช่เย็น หรือแปรรูป เกลือทะเล สาหร่ายทะเลสดหรือแปรรูป จาก 10 จังหวัดของญี่ปุ่น ประกอบด้วย โตเกียว ฟุกุชิมะ ชิบะ โทชิกิ อิบารากิ กุนมะ มิยางิ นีงาตะ นากาโนะ และไซตามะ โดยมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดีที่ 24 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ญี่ปุ่นจะเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนลงสู่ทะเล
และยังไม่มีกำหนดว่าคำสั่งห้ามดังกล่าวจะกินระยะเวลานานเท่าใด โดยการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับตัวเลขและข้อมูลที่ญี่ปุ่นเปิดเผยออกมาภายหลังการปล่อยน้ำปนเปื้อน
ทั้งนี้ ฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและการประมงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจากจีนแผ่นดินใหญ่