บทเรียนศรีลังกา ‘พัง’ เพราะ ‘ตระกูลเดียว’ เปลี่ยน ‘ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย’ จนกลายเป็นผงธุลี สนามลำปางพา ‘ธรรมนัส’ ตาสว่าง ใช้แค่ ‘เงิน’ ไม่ได้!
ประเทศไทยของเรากำลังเดินไปในหลายเรื่องราวพร้อมๆ กัน การเมืองกำลังร้อนเพราะมี อภิปรายไม่ไว้วางใจ คุณธรรมนัสก็เชย์กู๊ดบายกับรัฐบาล
คุยว่าพาพรรคเศรษฐกิจไทยออกมา เพราะอยากปรับตัวแสดงจุดยืนที่ชัดเจน อาจจะทำให้ชนะเลือกตั้งบ้าง แต่ความเป็นจริงแล้ว บทเรียนที่ ลำปางมีราคาแพง ที่เคยคิดว่ายิ่งใหญ่ ใช้เงิน ใช้อิทธิพลก็ชนะเลือกตั้งได้ อาจไม่จริงอีกต่อไปแล้ว ขอแสดงความนับถือคนลำปางที่แสดงออกได้ถูกใจคนไทยทั้งประเทศ
พรรคเศรษฐกิจไทยออกจากรัฐบาล มีผลอะไรต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์นี้ หรือไม่
ถ้าตอบว่าไม่ ก็คงไม่จริง ต้องยอมรับว่ามีผล เสียงสนับสนุนนายกและรัฐมนตรีเหวี่ยงไปมา เพราะหายไปอย่างน้อยสิบห้าเสียง ขึ้นอยู่กับว่า ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทยประมาณหกถึงแปดคน จะภักดีกับคุณธรรมนัสเวลาลงคะแนนหรือจะภักดีกับคุณประวิตร
พรรคเล็กๆ จะลงคะแนนอย่างไร คุณประวิตรคงเข้าใจเกม จึงเชิญพรรคเล็กมาคุยกันแล้วขอร้องให้ลงคะแนนสนับสนุนรัฐมนตรีทุกคน เซียนการเมืองบอกว่างานนี้วัดบารมีคุณประวิตรกับคุณธรรมนัส วันที่ 22กรกฎาคม คงทราบผล การลงมติ
อยากเขียนผลแปะเพจนี้ไว้ แต่ก็เกรงว่าจะถูกข้อหาว่าเราเป็นคนฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ความจริง อยากมีเลือกตั้งเร็วๆ ภายในปีนี้เหมือนกัน จะได้รู้แล้วรู้รอด มีรัฐบาลใหม่เดินหน้าประเทศไทยต่อไป ถ้ามีอิทธิพลมากพอจะขอให้นายกยุบสภาเสียเลย
ยังเป็นห่วงเรื่องกัญชามากมายจริงๆ ไปนั่งคุยกับผู้รู้เรื่องนี้มาหลายคน รัฐบาลยังไม่ได้มีมาตรการที่จะควบคุมการเสพกัญชาเสรีได้เลย ขายก็เสรี สูบก็เสรี จับก็ไม่ได้
ภูมิใจไทยก็ดื้อ ไม่ยอม เสียหน้า เด็กติดกัญชามีมากขึ้นแน่นอน การค้ากัญชาเพื่อการเสพมีมากขึ้นเหมือนเงาตามตัว คุณภาพของเด็กและเยาวชนจะถดถอยเพราะฤทธิ์กัญชา
มองเข้ามาในประเทศเห็นแต่อนาคตของสังคมไทยและคนไทยเป็นทาสเสพติดกัญชา พอมองออกไปข้างนอกประเทศก็มองเห็นภาพประเทศของเราถูกกีดกันทางการเมือง เศรษฐกิจ การค้า
คนไทยจะถูกดูถูก ถูกปฏิบัติอย่างดูหมิ่นดูแคลน ยามเดินทางเข้าประเทศของคนอื่นเขา ศักดิ์ศรีและชื่อเสียงในฐานะผู้นำของการป้องกันและปราบ ปรามยาเสพติดของโลกใบนี้หายวับไปชั่วข้ามคืน ขอร้องพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายเรื่องนี้ให้ได้ คำตอบที่น่าเชื่อถือจากรัฐบาลด้วย
ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำไทยคนใหม่ ชื่ออะไรจำไม่ได้เสียแล้ว ให้สัมภาษณ์อย่าง พระเอก จะให้ไทยปรับตัวเรื่องการเคารพสิทธิมนุษยชน ให้สิทธิเสรีภาพทางการเมือง ยกเลิกมาตรา 112 เพิ่มการกดดันเมียนมามากขึ้น ลดการซื้อก๊าซและน้ำมันจากเมียนมา
คนไทยบางพวกบางกลุ่ม หลงใหลได้ปลื้มกับข่าวชิ้นนี้ พระเอกขี่ม้าขาวมาจากอีกซีกโลกจะช่วยให้ความฝันเป็นจริง ไม่ต้องสั่ง ซื้อลูกโป่งมาปล่อยเวลาฉายหนังกลางแปลง
เวลานี้เรากำลังเดินไปสู่การเลือกตั้ง นานสุดก็อีก 8 เดือน เร็วสุดก็ภายในสิ้นปีนี้ ทูตสหรัฐคนนี้ก็รู้ดี อ่านการเมืองของไทย ว่าไม่มีความแน่นอน คุณประยุทธ์ เป็นนายกต่อไป หรือเป็นคนอื่นๆ ที่จะมากุมบังเหียนรัฐบาลแทน เอาแน่ไม่ได้
สหรัฐจึงต้องจับทุก ทางเอาไว้ ใครเป็นรัฐบาลก็เดินเข้าหาได้ แสวงประโยชน์ต่อไปได้ คนเป็นทูต เวลาไปทำงานที่ประเทศใดก็มีหน้าที่ต้องพูดแสดงจุดยืน
ส่วนเราเมื่อเขาพูดก็รับฟังได้ แต่จะทำอะไรทำอย่างไร เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของเราเป็นใหญ่ ที่สำคัญอย่าทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร พูดไม่เหมาะยังพอให้อภัยได้ แต่ถ้าทำไม่เหมาะนี่ ให้อภัยไม่ได้
โลกวันนี้สหรัฐ จีน รัสเซีย ยุโรป พวกเขาแข่งขันกันทุกแนวรบ การเมือง การทหาร เศรษฐกิจ ความรุ่งเรือง ความอยู่รอด และหายนะ เป็นเดิมพัน
ไทยเราต้องอยู่ท่ามกลางชาติเหล่านี้ที่มีความแตกต่างในเรื่องอุดมการณ์และความเชื่อ ต่างมีศักดิ์ศรีที่ยอมแพ้ไม่ได้ แถมมีแสนยานุภาพทางทหารที่ไม่แพ้กัน ไทยมีผลประโยชน์มากมายกับชาติเหล่านี้ จะเป็นศัตรูกับชาติใดชาติหนึ่งก็ไม่ได้
สิ่งเราควรทำคือ จะสร้างสมดุลให้เราเป็นมิตรกับพวกเขาได้ ตลอดไปอย่างไร
เมื่อเร็วๆ นี้รัฐมนตรีต่างประเทศทั้งของสหรัฐและจีนก็มาเยือนไทย เป็นข้อพิสูจน์ ได้ว่าทั้งคู่ทิ้งประเทศไทยไม่ได้ การเล่นเกมให้เป็น ประเทศชาติได้ประโยชน์ไม่ใช่ใครก็ทำได้
อุทธาหรณ์ทางการเมืองอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องนึกและพึงสังวรณ์คือการเมืองที่เกิดขึ้นที่ศรีลังกา ที่ถูกขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย”
เพราะมีข้อได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์มากมาย มีท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าติดอันดับโลก ร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติ มีวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแบบไทย ดึงดูดคนทั้งโลกมาเยือนปีละหลายสิบล้านคน
และเมื่อปี 2560 มีการจัดทำวิสัยทัศน์ชาติที่เรียกว่า “Vision 2025 : A Country Enriched”
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานศรีลังกาประสบกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง เงินคงคลังไม่มีพอจะซื้อสินค้าและพลังงานใดๆ เข้าประเทศ จนนายกรัฐมนตรีต้องออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจศรีลังกาล่มสลายโดยสมบูรณ์
ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าออกมาประท้วงให้ผู้นำลาออก
จนกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.โกตาบายา ราชปักษา ต้องหนีออกนอกประเทศและส่งใบลาออกทางอีเมลมาให้ประธานรัฐสภาประกาศต่อประชาชนที่ประท้วงขับไล่ได้รับรู้กัน ความรุนแรงจึงหยุดลง แต่ความยากลำบากของประชาชนยังไม่ยุติ
นักวิเคราะห์การเมืองศรีลังกาลงความเห็นตรงกันว่า สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ศรีลังกาตกอยู่ในภาวะเช่นนี้เพราะวงจรอุบาทว์ทางการเมืองที่การเลือกตั้งผูกติดกับตระกูลการเมืองไม่กี่ตระกูล
เหมือนเช่นตระกูลราชปักษา ที่ใช้วิธีส่งเครือญาติ พวกพ้องลงรับเลือกตั้งเหมือนสภาเครือญาติและแต่งตั้งพี่น้องมาบริหารประเทศ มีน้องชายเป็นประธานาธิบดี พี่ชายเป็นนายกรัฐมนตรี มีลูกหลานเป็นรัฐมนตรีคุมกระทรวงสำคัญๆ ของประเทศ เพื่อผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อฐานคะแนนเสียงและธุรกิจของตระกูล
ละเลยผลประโยชน์ของประเทศ เกิดการทุจริตคอรัปชั่นอย่างกว้างขวาง สร้างความร่ำรวยเฉพาะตระกูล แต่ประชาชนต้องอดอยาก จนต้องออกมาเดินขบวนขับไล่เผาทำลายทรัพย์สินของตระกูลราชปักษา ไม่เว้นแม้แต่สุสานฝังศพบรรพชนของตระกูลด้วยความโกรธแค้น
การเมืองในระบบเครือญาติของตระกูลราชปักษา เคยกลายเป็นเรื่องตลกระดับชาติที่ผู้แทนของประเทศหนึ่งเคยสอบถามผู้แทนศรีลังกาว่า ประเทศนี้มีแต่คนนามสกุลราชปักษาเท่านั้นหรือ
ฟังแล้วช่างรู้สึกเหมือนถูกถากถางว่า ประเทศนี้ไม่มีคนเก่งอื่นเลยหรือไง จึงปกครองด้วยระบอบ “ราชปักษาธิปไตย” สะท้อนว่าการเมืองลักษณะนี้ทำให้คนดี คนเก่ง คนที่มีฝีมือไม่สามารถเข้ามาช่วยประเทศได้ หรือเข้ามาในสภาได้แต่ไม่สามารถออกความเห็นใดๆ ที่แตกต่างได้
มองเขาแล้วหันกลับมามองของเราบ้าง รู้สึกคุ้นๆ บ้างไหมการเมืองไทยในแบบระบบเครือญาติ พ่อตั้งพรรคส่งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ทุจริตเชิงนโยบายได้ประโยชน์เฉพาะตระกูลมากมาย จนต้องหนีคดีออกนอกประเทศ
ส่งน้องเขยเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งน้องสาวเป็นนายกรัฐมนตรี บงการแต่งตั้งพวกพ้องเครือญาติคุมตำแหน่งการเมืองสำคัญเพียงเพื่อต้องการล้างความผิดไม่ต้องกลับมารับโทษ
บริหารประเทศเหมือนบริหารบริษัท ทำให้พี่น้อง ญาติและพวกพ้องหลายคนต้องหนีคดีใช้เงินเสพสุขอยู่ต่างประเทศ กลับไทยไม่ได้ อีกหลายคนต้องยอมรับกรรม ติดคุกรับโทษแทนอย่างน่าเวทนา
ช่วงนี้การเมืองบ้านเราเริ่มคึกคัก คงประมาณกันได้ว่าการเลือกตั้งคงจะมาถึงอีกไม่นาน นักการเมืองต่างแตกตัวตั้งพรรคหากลวิธีที่จะกลับเข้ามาสู่อำนาจกันอีก
ต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเอง บางคนตั้งใจทำเพื่อชาติ บางคนตั้งใจทำเพื่อปกป้องธุรกิจของตนและพวกพ้อง และบางกลุ่มอาจคิดการณ์ใหญ่คว่ำฟ้าคว่ำแผ่นดิน
ต่อไปจะเลือกใครเชียร์ใครจึงต้องดูประวัติ ปูมหลัง ความต้องการที่แท้จริงของคนกลุ่มนั้นให้ถ่องแท้ การเมืองเป็นเรื่องการจัดการอำนาจสามารถทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าได้และก็ทำให้ประเทศล่มสลายได้ในช่วงเวลาไม่นานเช่นกัน
เที่ยวบินโดยสารเชิงพาณิชย์ เชื้อเพลิงชีวภาพ 100%: ความสำเร็จในยุโรป ที่ส่งผลกระทบถึงประเทศไทย
นโยบายวิภาค ผู้ว่า ฯ กรุงเทพมหานคร EP2: วิเคราะห์นโยบาย กรุงเทพฯ ดีกว่านี้ได้ ของ สกลธี ภัททิยกุล
โฆษณาเล่นประเด็นอ่อนไหว? จะ ‘ปัง’ หรือ ‘พัง’ แบน บอยคอต อ่อนไหวเกินหรือสมควรแล้ว? เปิดบทเรียน 11 โฆษณาจากต่างประเทศที่ ‘พัง’ และไม่ควรเอาอย่าง
ศิราวุธ ภุมมะกสิกร
อดีตวิศวกรโครงการ ระดับผู้จัดการ จบปริญญาตรีวิศวกรรมเครื่องกล จาก พระจอมเกล้าธนบุรี และ โท ด้าน Advanced Manufacturing Engineering จาก University of South Australia มีความสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ การเมือง และสวัสดิการสังคม