NewsHere We Go (60) พินิจแนวคิดนโยบายการหาเสียง พิเคราะห์แนวคิดโครงสร้างสังคมไทย และผลลัพธ์ของเสรีภาพที่มากเกินไปในฝรั่งเศส

Here We Go (60) พินิจแนวคิดนโยบายการหาเสียง พิเคราะห์แนวคิดโครงสร้างสังคมไทย และผลลัพธ์ของเสรีภาพที่มากเกินไปในฝรั่งเศส

พรรคการเมืองใหญ่ๆ เสร็จจากงานรับสมัครและเปิดตัวผู้ท้าชิงนายกรัฐมนตรีกันไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้คงเดินสายหาเสียงกันอย่างเต็มที่ 

 

หลายพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมมีทั้งที่แย่งกันบอกว่าเป็นเรื่องที่พรรคตนเองทำมากับมือ บางพรรคก็บอกว่าพรรคตนเองเป็นคนกำกับดูแล แย่งกันเป็นเจ้าของความคิด 

 

รูปการณ์แบบนี้เกิดกับพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อน พอมาแยกพรรคก็แย่งกันเป็นเจ้าของนโยบาย ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่เคยมีผลงานให้อ้างในรอบ 8 ปีที่ผ่านมาก็ต้องใช้นโยบายขายฝันมาเสนอ จะเพิ่มรายได้ต่อวัน ต่อเดือน ปลดหนี้สิน จะหาเงินมาจากไหนยังไม่รู้ ทำได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจ 

 

เมื่อเห็นว่านโยบายยังไม่โดนใจเท่าที่ควร ก็ออกแคมเปญใหม่ให้กระตุกใจประชาชนด้วยการเพิ่มตัวเลขทับเข้าไป เช่น แจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาททันที เติมเงินให้ครัวเรือนให้มีรายได้ 20,000 บาททุกเดือน 

 

ช่างเป็นนโยบายที่ล่อใจยิ่งนัก เหมือนสัญญาว่าจะให้ยังไงไม่รู้ เดี๋ยวคงมีการฟ้องกันวุ่นวาย หากตัดสินว่าไม่ผิด ช่วงใกล้เลือกตั้งคงจะเห็นนโยบายประชานิยมขายฝันจากอีกหลายๆพรรคที่เติมเงินลงในกระเป๋าประชาชนมากกว่านี้แน่ๆ ……  น่าสนุก 

 

———-
วิเคราะห์แนวทางหาเสียงแต่ละพรรคการเมืองในเวลานี้
———- 

 

พรรคฝ่ายค้านบางพรรคแตกต่างออกไป แกนนำพรรคและผู้ชักนำพรรคเบื้องหลังไม่เคยนำเสนอให้เห็นนโยบายที่เกี่ยวข้องเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องคนไทยเลย เห็นแต่ชูนโยบายเปลี่ยนประเทศ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ยกเลิกมาตรา 112 แก้รัฐธรรมนูญ วนเวียนอยู่แต่เรื่องนี้ 

 

ปล่อยให้ผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งไปหาประเด็นหาเสียงเอาเองเป็นที่หนักใจของผู้สมัครพรรคนี้ หาเสียงไปก็ไม่รู้ว่าแกนนำพรรคที่ส่วนใหญ่ลงแบบบัญชีรายชื่อจะรับไปทำหรือไม่ 

 

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่เขาอยากเห็น ส.ส.ประจำเขตของเขาคอยช่วยเหลือดูแลปัญหาปากท้อง ความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐานความจำเป็นในพื้นที่ แต่ไม่มีการพูดถึง แกนนำพรรควันๆก็คิดจะเปลี่ยนประเทศอย่างเดียว 

 

ดังนั้นพรรคนี้จะเน้นการหาเสียงทางสื่อออนไลน์เป็นหลัก ไม่ต้องทุ่มเทเสียเวลาเดินสายพบปะประชาชนที่ทั้งเหนื่อย ต้องเสียเงินหาคน หาสิ่งอำนวยความสะดวก แถมคนอาจจะมาฟังหาเสียงไม่มาก ให้สื่อออนไลน์ที่ตัวเองถนัดดีกว่า มีคนติดตามฟังมากกว่า 

 

ไอเดียคือ ถ้าเชื่อแกนนำแล้วต้องเลือกทั้งพรรคและ ส.ส.ของพรรคในเขตนั้นๆ ด้วย ก็ต้องคอยดูต่อไปว่า การทุ่มหาเสียงกับพวกบัญชีรายชื่ออย่างเดียวจะได้ผลแค่ไหน

 

การหาเสียงคงทำกันอย่างคึกคักพรรคก้าวไกลจะใช้การหาเสียงผ่านสื่อประเภทต่างๆ เป็นหลัก โดยเฉพาะอาศัยสื่อออนไลน์ที่มีเครือข่ายสนับสนุนอยู่และก็ต้องการกลุ่มเป้าหมายที่ชีวิตประจำวันอยู่กับโทรศัพท์มือถือ แทปเล็ตให้มาลงคะแนนให้ 

 

จะให้คนดังแกนนำของพรรคออกมาสื่อสารช่องทางนี้ขายอุดมการณ์แนวคิดแบบเปลี่ยนระบอบ กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่และวัยทำงานออกมาช่วยพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ให้ความสำคัญกับการเดินสายตามเขตเลือกตั้งน้อย ผู้สมัคร ส.ส.เขต ต้องช่วยเหลือตัวเอง 

 

……….

 

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะทุ่มหาเสียงในทุกด้านต้องการแลนด์สไลด์ให้ได้ก่อน ต้องให้ตัวนำของบ้านใหญ่แต่ละกลุ่มลงพื้นที่หาเสียงให้มาก ต้องการยกจังหวัด แคนดิเดตนายกของพรรคผลัดกันลงช่วยหาเสียง เว้นคุณอุ๊งอิ๊งที่จะใช้ปราศรัยออนไลน์เพราะใกล้คลอดเต็มที 

 

คุณทักษิณคงต้องหลบมาบัญชาการข้างหลังเงียบๆกลัวจะถูกเปิดประเด็นเรื่องครอบงำพรรค จะมาบอกว่าทักษิณคิด เพื่อไทยทำอีกไม่ได้แล้ว เลยเปลี่ยนมาเป็นดีเอ็นเอทักษิณคิด ดีเอ็นเอทักษิณทำ 

 

ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ สะท้อนถึงพรรคของครอบครัวโดยแท้ คุณชลน่านหัวหน้าพรรคดูไม่มีค่า ไม่มีความหมาย ไร้ตัวตน ตอนนี้คอยวิ่งแก้ข้อครหาดีลลับกับพรรคพลังประชารัฐเพราะถูกตั้งข้อสงสัยจากชาวบ้านทำนองปากว่า ตาขยิบ ต่อ

 

หน้าก็ด่า ลับหลังจับมือกอดกัน เข้าข้อหาพวกประชาธิปไตยจอมปลอมแบบที่คนเดินออกมาจากพรรคเพื่อไทยเขาว่ากัน คุณชลน่านเลยต้องตะลอนไปประกาศยืนยันทั่วภาคเหนือ ภาคอีสานว่าไม่จับมือกับพรรคไหน 

 

แต่ใครจะไปเชื่อลมปาก ทุกคนในประเทศนี้รู้ดีว่าคุณชลน่านเป็นแค่หัวหน้าพรรคแต่ในนาม ไม่มีอำนาจตัดสินใจใดๆทั้งนั้น

……….

 

พรรคพลังประชารัฐของคุณลุงป้อมต้องพาบิ๊กเนมของพรรคลงพื้นที่เขตเลือกตั้งทั่วประเทศอย่างพร้อมเพรียง ต้องดึงคะแนนจากชาวรากหญ้าที่ได้รับประโยชน์จากโครงการที่ลุงป้อมดูแล 

 

เช่น กลุ่มที่ได้รับแจกโฉนดที่ดินทำกินทั่วประเทศ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากน้ำแล้งน้ำท่วม กลุ่มที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 

 

พลังประชารัฐจะใช้การเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ตามจังหวัดต่างๆ ต่อเนื่อง และจะไม่เน้นการหาเสียงทางสื่อออนไลน์ ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลัก 

 

คุณประวิตรในฐานะผู้สมัครบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 ของพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงหนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐต้องเหนื่อยมากเป็นพิเศษ ต้องให้ได้ ส.ส.จำนวนที่มากพอเพื่อสร้างน้ำหนักต่อรองในสภาหากจะต้องเปิดดีลกับพรรคการเมืองอื่นหลังเลือกตั้ง  

 

……….

 

ที่น่าเสียดายคือพรรครวมไทยสร้างชาติ มีผลงานของคุณประยุทธ์ดีๆ มากมาย พยายามทำประชาสัมพันธ์ออกมาแต่ไม่ต่อเนื่อง ไม่กระจายให้กลายเป็นที่พูดถึงเหมือนพรรคอื่น  มีบุคลากรที่เก่งการ เมืองเยอะแยะ แต่เหมือนยังไม่ได้ออกมาช่วยกันเป็นทีม 

 

คุณประยุทธ์เป็นศูนย์กลางที่ได้รับความนิยมของพรรคมักจะถูกสื่อยั่วถามให้โมโห แล้วเก็บภาพเก็บข่าวไปนำเสนอเปรียบเทียบสื่อ ให้คนรุ่นใหม่เห็นว่าคุณประยุทธ์เป็นผู้นำรุ่นเก่ามีลักษณะอำนาจนิยม 

 

มุมดีๆ นโยบายดีๆ ผลงานดีๆ จะไม่ถูกนำมาเสนอ คงเป็นการบ้านสำคัญของทีมประชาสัมพันธ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากต้องการที่จะช่วยกองเชียร์คุณประยุทธ์สมหวังได้เห็นคุณประยุทธ์เป็นนายกอีกวาระหนึ่ง


———-
รักษาโครงสร้าง vs เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง
———- 

      

อาทิตย์นี้อยากจะสรุปให้เห็นเรื่องการดีเบตการหาเสียงของบางพรรคการเมือง แสดงวิสัยทัศน์น่าสนใจและกำลังทำงานหนักในการบรรลุเป้าหมาย 

 

เรามีพรรคการเมืองสี่สิบกว่าพรรคในการลงเลือกตั้งครั้งนี้ ในจำนวนนี้ถ้าสรุปแนวทางใหญ่ๆ ของพรรคต่างๆ จะพบว่ามีสองแนวทางเท่านั้น คือ แก้ปัญหาสำคัญของประเทศแบบรักษาโครงสร้างการเมืองการปกครองในระบบปัจจุบันไว้กับอีกแนวทางคือแก้ไขปัญหาสำคัญของบ้านเมืองแบบปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองการปกครองของประเทศ 

 

วิวาทะระหว่างพี่วินมอเตอร์ไซด์กับอดีตหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรคการเมืองหนึ่งในเรื่องมาตรา 112 แสดงถึงแนวทางของพรรคการเมืองนี้ชัดเจนอย่างไม่มีคำถามอีกต่อไป 

 

เพราะอดีตหัวหน้าพรรคพูดเองว่าเราต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นให้พระมหากษัตริย์เป็นกลางทางการเมืองบ้านเมืองจึงจะอยู่ได้ ขณะที่พี่วินโต้แย้งว่าก็เราอยู่กันมาแบบนี้ตั้งเจ็ดแปดร้อยปีมาแล้ว บ้านเมืองก็อยู่ได้มาตลอดไม่ใช่หรือ 

 

หัวหน้าพรรคนั้นก็ยังยืนยันว่าต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้สถาบันดำรงอยู่ได้ต่อไป และบทสรุปของวิวาทะสุดท้ายคือหัวหน้าพรรคถอย โดยให้เหตุผลว่าพี่วิน “น้ำเต็มแก้ว” เราไม่คุยด้วยดีกว่า ส่วนพี่วินไม่อยากถอย สวนกลับไปว่า “คุณนั่นแหล่ะที่น้ำเต็มแก้ว”

 

วิวาทะและการรณรงค์หาเสียงครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าพรรคการเมืองหนึ่งเดินหน้าปฏิรูประบบการเมืองการปกครองของประเทศอย่างแข็งขัน แม้จะโต้วาทีสู้พี่วินไม่ได้ เพราะตอบข้อสงสัยของพี่วินไม่ได้แม้แต่ข้อสงสัยเดียว คำตอบทุกคำตอบเอาสีข้างเข้าถูอย่างโบราณว่า 

 

ส่วนโฆษกพรรคยิ่งอาการหนัก ไม่รู้จะตอบพี่วินอย่างใด ได้แต่บ่นว่าไม่เปิดโอกาสให้พูดบ้างเลยกับบอกว่าการใช้มาตรา 112 เป็นการกลั่นแกล้ง คนไปแจ้งความเป็นใครก็ได้ไม่ถูกต้อง ต้องให้สำนักพระราชวังไปแจ้ง 

 

พี่วินย้อนกลับไปว่า ในหลวงท่านอยู่ข้างบน ท่านจะไปแจ้งความได้อย่างไร คุณด่าสถาบัน คนไทยเขาไม่ชอบไม่เห็นด้วยเพราะเขารักสถาบัน เขาก็ไปแจ้งความ มันผิดตรงไหน พวกคุณก็อย่าไปด่า สถาบันสิ ซึ่งโฆษกพรรคคนนั้นได้แต่ตีหน้าแหยๆ 

 

กรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เราไม่ควรดูเพื่อความสะใจอย่างเดียวแต่ควรดูด้วยความตั้งใจ คิด พินิจพิเคราะห์ว่า ประเทศไทยของเรากำลังจะถูกลากเดินไปในทิศทางใด โดยพรรคการเมืองและนักการเมืองที่มีความคิดแบบนี้ 

 

การวางนโยบายที่ด้อยค่าทุกสถาบันที่กำลังดำรงอยู่ และ ประกาศปฏิรูปทุกสถาบันให้เป็นไปตามแนวทางที่เขาต้องการ มันก่อให้เกิดผลดีต่อการพัฒนาประเทศ การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การทำให้บ้านเมืองอยู่รอดในท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างประเทศ การแข่งขันทางอำนาจการเมือง เศรษฐกิจ การทหารของอภิมหาอำนาจทั้งหลายในโลกนี้ได้อย่างไร?

 

แม้แต่ปัญหาเผชิญหน้าทุกวันนี้ที่คนไทยเดือดร้อนจากฝุ่น PM 2.5 จะไปคุยกับผู้มีอำนาจในเมียนมาที่เป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหาได้อย่างไร ในเมื่อรังเกียจเผด็จการ ไม่คบเผด็จการ เกลียดทหารที่มาปกครองประเทศ คนพวกนี้จะเอาอะไรไปปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยที่ไปพัวพันอยู่กับประเทศเพื่อนบ้าน


———-
เดิมพันครั้งใหญ่ของประเทศ
———-

การเลือกตั้งวันนี้วางเดิมพันของอนาคตประเทศทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว คะแนนเสียงที่เราโหวตให้พรรคใดคนใดมีผลต่อบ้านเมืองของเราทั้งสิ้น 

 

คนไทยต้องเข้าใจว่าประเทศของเรา ตัวเราเอง คนรุ่นหลังถัดไปกำลังเผชิญกับสิ่งใดอยู่ เห็นความย่อยยับในฝรั่งเศส การใช้เสรีภาพที่เกินขอบเขตบ้านเมืองย่อยยับอย่างไร 

 

ฝรั่งเศสไม่ใช่มีแต่การประท้วงแสดงเสรีภาพการแสดงออก แต่คนที่ออกมาประท้วงปล้น เผา ทำลายบ้านเมือง ทำลายทรัพย์สินเสรีภาพของคนอื่น 

 

เห็นความไม่ชอบมาพากลในอเมริกา ที่ผู้คนเดือดร้อนกับความไม่ปลอดภัยในชีวิตประจำวัน เห็นความขมขื่นของชาวยูเครน ที่เขาต้องยืนดูความย่อยยับของบ้านเมือง ความพังทลายของฮ่องกงที่ไม่รู้จักการยืดหยุ่น เลือกใช้เสรีภาพที่รุกล้ำสิทธิเสรีภาพของคนอื่น คนเขาจึงอพยพหลบออกไปตั้งรกรากทำมาหากินที่อื่น 

 

ถ้ามองย้อนไปดูสาเหตุลึกๆ ก็จะพบว่ามันเป็นเพราะการเมืองที่ผิดเพี้ยน ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อสนองตอบนโยบายและแนวทางของตนเองเท่านั้น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้เราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมและความสนใจของคุณ

บันทึกการตั้งค่า