เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำ หากจะไปต่อ และ สตช.กับการขอชะลอกฎหมายห้ามทรมาน โดยไม่สนใจความถูกต้องต่อสังคมและประเทศชาติ

ข่าวคุณประยุทธ์สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ทางการเมืองของสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าคุณประยุทธ์เข้าสู่วงการเมืองแบบเต็มร้อย และเลือกที่จะเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ลีลาการปราศรัย เนื้อหาที่กล่าวความในใจต่อแฟนคลับที่มาเชียร์ถือว่าสอบผ่าน

ประโยคที่พูดถึงหัวใจสีม่วงน่าประทับใจ เป็นหัวใจแห่งความซื่อสัตย์ ไม่โกหก ต้องสุจริต พรรครวมไทยสร้างชาติสามารถนำไปใช้เป็นมอตโต้หาเสียงได้ด้วย 

สิ่งที่คุณประยุทธ์พูดและทำมาในอดีตไม่ใช่แค่เฉพาะ 8 ปีในตำแหน่งผู้นำรัฐบาล แต่เป็นมาตั้งแต่เข้าศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหาร แสดงให้เห็นถึงตัวตนแท้จริงอย่างถ่องแท้ที่ยึดมั่นต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน 

————
เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำ หากจะไปต่อ
————

เมื่อคุณประยุทธ์เปิดตัวเข้าพรรคการเมือง เตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ คนเชียร์ก็มาก คนเบื่อก็มี คนค้านก็ไม่น้อย มีข้อเสนอถึงคุณประยุทธ์อยู่สองสามเรื่อง ถ้าอ่านพบหรือมีคนไปเล่าบอก ก็น่าไปคิดดู ทำได้หรือไม่ได้ จะทำหรือไม่ทำ อำนาจเป็นของคุณประยุทธ์ไม่ใช่ของใครอื่น แต่คิดว่าถ้าทำ จะเป็นประโยชน์แก่คุณประยุทธ์ในฐานะที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกสองปี 

ข้อเสนอแรกคือ การจัดการกับการทุจริตประพฤติมิชอบที่กำลังเกิดขึ้นอย่างฉาวโฉ่ในหน่วยงานของรัฐ นักการเมือง ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เรื่องนี้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติมานาน เป็นนโยบายของคุณประยุทธ์และเป็นเหตุแห่งการควบคุมอำนาจของ คสช. เมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่จนถึงวันนี้ปัญหายังไม่หมดไป เคยลดลงมาพักหนึ่ง แต่ก็กลับมามีอย่างรุนแรงอีกตั้งแต่ปี 2562

สิ่งที่ฝังหัวคนไทยถึงทุกวันนี้คือ คุณประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มีอำนาจบริหารประเทศสูงสุด เป็นทั้งหัวหน้า คสช. นายกรัฐมนตรี คุมทั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ประวัติ ซื่อสัตย์ขาวสะอาดไม่มีทุจริต ประกาศเอาไว้จะจัดการกับการทุจริตอย่างเด็ดขาดไม่ไว้หน้า 

แต่ 8 ปี มาแล้วยังไม่เป็นไปตามที่ประกาศไว้ และนับวันนับปีจนถึงปีนี้ 2566 ข่าวเรื่องทุจริต โกงกิน กลับมี มากขึ้น ยิ่งไปฟังเหล่าข้าราชการคุยกัน ยิ่งได้ยินได้ฟังเรื่องฉาวโฉ่ที่เกิดขึ้นในหน่วยงานราชการ เก็บส่วยให้เจ้านาย จ่ายเงินค่าเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ข้าราชการผู้น้อยหรือระดับกลางๆ ต้องทุจริต เพื่อหาเงินมาให้เจ้านาย 

ถ้าคุณประยุทธ์อยากไปต่อแบบได้รับเสียงปรบมือสนับสนุน คุณประยุทธ์ต้องใจแข็ง เลิกใจอ่อน เลิกตามใจ เลิกใจดี ใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างเป็นธรรมเอาคนโกงไปให้พ้นจากระบบราชการหรือระบบการเมือง 

ถ้าคุณประยุทธ์ทำได้เช่นนี้ พรรคการเมืองไหนก็ไม่อาจเอาคุณประยุทธ์ลงจากอำนาจได้ แต่ถ้าคุณประยุทธ์ยังยึดหลักว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ตามข้อกฎหมาย คุณประยุทธ์ต้องระวัง ประชาชนอาจจะให้บทเรียนสำคัญในการเลือกตั้งได้เหมือนกัน 

อยากให้คุณประยุทธ์หาโอกาสฟังเสียงคนทั่วไปที่คุยกันเรื่องบ้านเมืองบ้าง พวกเขารักคุณประยุทธ์นะ อยากเลือกคุณประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก 

แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มลังเล ไม่แน่ใจ เพราะเห็นคนโกงกินบ้านเมืองยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้ แถมยังมีอำนาจทั้งในที่แจ้งและที่ลับอีกต่างหาก คุณประยุทธ์ลองพิจารณาดู

————
ตำรวจขอชะลอใช้กฎหมายห้ามการทรมานอุ้มหาย
————  

อีกเรื่องที่อยากเป็นข้อเสนอ คุณประยุทธ์คงเห็นข่าวเล็กๆ แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นอย่างมากมายต่อคุณประยุทธ์และรัฐบาล ถ้ามองข้ามมันหรือคิดว่าปล่อยให้กระทรวงและหน่วยงานว่ากันไปตามระบบโดยคุณประยุทธ์ลอยตัว 

ผบ.ตร.ทำหนังสือถึงรัฐมนตรียุติธรรมขอขยายเวลาการใช้บังคับกฎหมายปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย อ้างว่าตำรวจไม่พร้อม ขาดอุปกรณ์ ไม่มีงบจัดซื้อ เช่น กล้องถ่ายรูป 

ตำรวจเคยขวางกฎหมายฉบับนี้มาตั้งแต่ครั้ง คสช. และ สนช. อ้างสารพัดเหตุผลและทำจนสำเร็จ ประเทศชาติเสียหาย ภาพลักษณ์ตำรวจเสื่อมทรุด ประชาชนหมดความไว้วางใจ แต่ตำรวจหาสนใจไม่ 

มาถึงปัจจุบัน กระทรวงยุติธรรมและรัฐบาลนำเสนอกฎหมายนี้เข้าสภาอีกครั้ง และทั้งสองสภาให้ความเห็นชอบ กฎหมายมีความก้าวหน้ามากขึ้น แม้นายตำรวจใหญ่บางคนทั้งอดีตและปัจจุบันพยายามขัดขวาง 

ประชาคมโลกยกย่องชื่นชมคุณประยุทธ์และรัฐบาล สถานะของประเทศด้านสิทธิมนุษยชนสูงขึ้นกว่าเดิม แต่เชื่อไหมว่าแม้กฎหมายจะผ่านความเห็นชอบจากสภาและในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว รอใช้บังคับในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 แต่ตำรวจก็ยังไม่หยุด ดึงดันหาทางขัดขวาง 

เราจึงได้เห็นการทำหนังสือในครั้งนี้ และอาจจะได้เห็นอะไรอื่นๆ อีกในอนาคต มีเรื่องเล่ากันว่าคิดกันไกลถึงขั้นจะให้รัฐบาลออกพระราชกำหนดมาใช้แทนพระราชบัญญัติฉบับนี้ 

คุณประยุทธ์จะรู้หรือไม่ว่า กฎหมายปราบปรามการทรมานและอุ้มหายดีต่อสังคมไทย ดีต่อทัศนคติที่ต่างชาติมีต่อรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ เสียงชื่นชมยินดีปรีดาดังกระหึ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ถ้ารัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐเสียเองที่ทำให้เกิดหรือเป็นตัวอุปสรรคเสียเอง เกรงว่าคุณประยุทธ์จะกลายเป็นผู้รับเคราะห์แทนในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงของตำรวจ บทสรุปเรื่องนี้จะไม่บอกว่าคุณประยุทธ์ควรทำอย่างไร เพราะเชื่อว่าคุณประยุทธ์ทราบดี จะเดินอย่างไรทางไหนหรือไม่

————
เมื่อลงการเมืองก็ย่อมต้องสู้แบบการเมือง
————

จากนี้ไปคุณประยุทธ์จะเป็นเป้าหมายถูกโจมตี โดนป้ายสี ทำลายเครดิตทางการเมืองจากทุกพรรค ไม่เว้นว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้าน เพราะการเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติของคุณประยุทธ์หมายถึงว่าจะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกคนที่ 30 หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า 

คุณประยุทธ์เป็นแม่เหล็กที่ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติขยับสถานะจากพรรคเล็กขึ้นมาเป็นขนาดกลางได้ทันที และหากทำกระแสได้ดีต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลืออาจจะกลายมาเป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทยได้เช่นกัน 

รูปการณ์แบบนี้มีหรือที่คุณโทนี่เจ้าของพรรคเพื่อไทยจะยอม คงต้องใช้คลับเฮ้าส์ของกลุ่มแคร์เป็นสื่อออกมาเสนอหน้าใช้วาจาทับถมคุณประยุทธ์ทุกวัน ควบคู่ไปกับยกยอนำผลงานของตนเองมาเปรียบเทียบ แต่จะเลี่ยงนำเสนอผลงานที่ตกเป็นจำเลยถูกฟ้องคดีอยู่ในศาลมาเล่า 

จากนั้นจะให้พรรคเพื่อไทยนำข้อมูลมาอภิปรายในสภามุ่งดิสเครดิตไปที่คุณประยุทธ์เท่านั้น ถือเป็นพรรคเดียวที่ไม่สามารถร่วมมือทางการเมืองกันได้ แต่จะเลี่ยงที่จะพูดแตกหักกับพลังประชารัฐเพราะมีดีลลับทางการเมืองอยู่ก่อนแล้ว ดีลนี้สำคัญผูกพันถึงการกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับหลาน

————
จับตา ส.ส.ย้ายพรรคกันชุลมุน
————

อีกอย่างที่จะได้เห็นคือการประกาศลาออกของ ส.ส.กลางสภาและการย้ายพรรคของนักการเมืองจะปรากฏถี่มากขึ้น กกต.เตรียมจะประกาศแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว แต่ละพรรคคงเร่งสรรหาคนที่เห็นว่ามีโอกาสดีที่สุดลงสู้ในแต่ละเขต 

ถ้ามีผู้แสดงความจำนงแต่ละพรรคมีมากกว่า 1 คน คนที่ไม่ได้รับเลือกคงจะต้องไปหาที่อยู่ใหม่ ใครเป็นผู้มีอิทธิพลตัวจริงของพรรคก็จะได้เห็นกันตรงนี้ เช่น บางพรรคต้องบินโร่ไปฟ้องคนแดนไกลให้ชี้ขาด ไม่รอความเห็นจากหัวหน้าพรรคเพราะรู้ว่าไม่มีน้ำยาไม่มีประโยชน์ที่จะต้องรอ

————
แคนดิเดตตัวจริง-ตัวหลอก
————

การเทียบเคียงคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคจะเริ่มมากขึ้น บางพรรคชัดเจนแล้วว่าจะเสนอใคร บางพรรคยังไม่ชัดเจนว่าจะเสนอใคร บางพรรคนำเสนอตัวคนขึ้นมาเป็นตัวหลอกเก็บตัวจริงไว้ก็มี 

เหมือนเช่นพรรคเพื่อไทยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงคุณชลน่าน หัวหน้าพรรคให้เปลืองเวลา ไม่มีอำนาจในการกำหนดเรื่องราวใดๆ ในพรรคทั้งนั้น อาจเป็นตัวเลือกท้ายๆ 

กลุ่มนักรบห้องแอร์ของพรรคกำลังสร้างภาพให้คุณอุ๊งอิ๊งเป็นขวัญใจ เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ ปูพรมขึ้นป้ายแสดงหน้าตา พร้อมกับนโยบายทิพย์ในพื้นที่ที่พรรคคิดว่าได้เปรียบ 

ช่วงนี้ต้องการสร้างกระแสพรรคให้ติดตลาดก่อน แต่เมื่อถึงระยะหนึ่งจะนำชื่อคุณเศรษฐา เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ ที่ไปประกาศกับใครต่อใครไว้ทั่วแล้วว่าเขาคือนายกรัฐมนตรีคนต่อไปเข้ามาแทน ปล่อยให้หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยกลับไปเลี้ยงลูกก่อน

หากนำเสนอชื่อคุณเศรษฐาตอนนี้จะทำให้เกิดการเทียบเคียงความสามารถกับคุณอุ๊งอิ๊ง ดีไม่ดีคุณเศรษฐาจะตกเป็นเป้าหมายถูกขุดคุ้ยตีแผ่ชื่อเสียงมัวหมองโดยที่ยังไม่ถึงเวลาอันควร

————
การเปลี่ยนระบอบใช้หาเสียงไม่ได้
————

ส่วนพรรคที่ท่องนโยบายเปลี่ยนระบอบการปกครองเพียงอย่างเดียว กำลังประสบปัญหาสร้างคะแนนนิยมในพื้นที่ ไม่รู้จะหยิบยกประเด็นใดมาหาเสียงเพราะไม่เคยมีผลงานชัดๆ 

ตอนนี้หัวหน้าพรรคเริ่มรู้แล้วว่า ประชาชนไม่เอาด้วยกับนโยบายเปลี่ยนระบอบ จึงไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก อาจต้องแยกทางเดินกับนักวิชาการเหนือพรรคระยะหนึ่ง เพราะคนที่มีอำนาจเหนือพรรคคอยกำหนดประเด็นให้พูด ก็ไม่ได้ลงพื้นที่หาเสียง ได้แต่นั่งเก็บคะแนนในฐานะผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ 

เข้าตำราคนพูดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้พูด สร้างความอึดอัดใจต่อผู้สมัครอย่างมาก ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่อง อาจจะได้เห็นการเดินออกจากพรรคอีกระลอก การเมืองช่วงนี้จึงต้องจ้องกันอย่างไม่กระพริบตาทีเดียว

#TheStrutureColumnist

#ประยุทธ์จันทร์โอชา #กฎหมายห้ามทรมาน