Here We Go (89) “สภาพเละตุ้มเป๊ะ” ที่เกิดกับพรรคก้าวไกล ความแตกแยกภายในจากกรณีคุกคามทางเพศ และบทบาทหน้าที่ของ กอ.รมน.ที่ควรเข้าใจ

สัปดาห์ที่แล้วประเทศไทยมีลมฝนที่ไม่ถึงกับเป็นพายุพัดผ่านเข้ามา ทำให้ฝนตกพอชุ่มฉ่ำ เฉอะแฉะ ทางสัญจรหรือถนนที่ไม่มีสภาพถูกอัดแน่นข้างในกลวงโพรงจะเกิดลักษณะที่เราชอบพูดว่า “เละตุ้มเป๊ะ” หมายถึง เละไม่มีชิ้นดี ไร้ระเบียบโดยสิ้นเชิง หรือพังไม่เป็นท่า 

ไม่น่าเชื่อว่าสภาพแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นที่รัฐสภา ไม่ได้หมายถึงสถานที่ แต่เกิดกับพรรคการเมืองในรัฐสภา ซึ่งก็คือพรรคก้าวไกล อันสืบเนื่องจากพฤติกรรมคุกคามทางเพศของ ส.ส.ของพรรค ทั้งคุณไชยามพวาน ส.ส.กทม.กับคุณวุฒิพงศ์ ส.ส.ปราจีนบุรี ที่ประชุม แปลกตรงที่ ส.ส.ของพรรคเกือบทั้งหมดลงความเห็นว่า ส.ส.ทั้ง 2 คนมีพฤติกรรมดังกล่าว

จริง แต่กลับมีบทลงโทษที่แตกต่างกัน คุณวุฒิพงศ์ ถูกขับออกจากพรรค แต่คุณไชยาพวาน ไม่โดนขับออก ให้ออกมาขอโทษเยียวยาเหยื่อแทน ทำให้ทุกฝ่าย เมื่อทุกกลุ่มออกมาด่าทอแสดงท่าทีไม่พอใจกับพรรคก้าวไกลอย่างรุนแรงและเริ่มขยายเป็นวงกว้างขึ้นทุกที สภาพเละตุ้มเป๊ะจึงเกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลทันที  

ส.ส.ตัวตึงทั้งหญิงและชายต่างออกมาสาปส่งขับไล่ไม่ร่วมสังฆกรรมพ่อเทวดาที่อวตารลงมาเป็นลิงของพระรามหรือคุณไชยามพวาน เพราะต้องการลดแรงกดดันของสังคม แต่ไม่สำเร็จ คุณชัยธวัช ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านจึงต้องแสดงภาวะผู้นำเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคขับไล่คุณไชยามพวานให้พ้นพรรคเช่นกัน ต้องตามไปดูว่าพรรคไหนจะกล้ารับ ส.ส.2 คนนี้เข้าพรรค และ  ส.ส.ทั้ง 2 คนนี้จะเล่นบทชำระแค้นกับพรรคก้าวไกลอย่างไรต่อไป

—

เกิดคำถามมากมายถึงการบริหารจัดการของพรรคก้าวไกล ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพรรคารเมืองใหม่เชิดชูประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียมของคน ยอมรับความหลากหลายทางเพศ แต่พอมาถึงเรื่องนี้ บทลงโทษกลับไม่เท่าเทียมกัน มีหลายมาตรฐาน 

อ้างว่าต้องเคารพเสียงของสมาชิกมีจำนวนไม่ถึงให้ขับออกจากพรรค (ตอนโหวตคุณพิธาไม่ได้เป็นนายกกลับไม่ยอมรับคะแนนเสียง … งง) การออกเสียงลงโทษที่แตกต่างแสดงถึงกลุ่มก้อน เล่นพรรคเล่นพวก มี การเมืองภายในพรรค การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ไม่ได้ยึดระเบียบยึดกฎใดๆ ไม่สมกับที่ประกาศไว้

พรรรคก้าวไกลน่าจะมีปัญหาการคัดสรรคนเข้ามาทำงานกับพรรค ขาดการตรวจสอบแบคกราวด์ของคนที่ต้องการมาร่วมงาน เพียงแค่เห็นว่ามีความคิดเห็นด้วยกับแนวทางพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเป็นพอ แล้วก็ใช้กระแสโซเชียลปั่นให้เห็นว่าเป็นคนกล้ามีคุณภาพ 

จึงได้เห็นภูมิหลังของ ส.ส.พรรคก้าวไกลหลายแบบ บ้างก็มีประวัติต้องคดีอาญา ทำร้ายร่างกาย คุกคามล่วงละเมิดทางเพศ ถูกทยอยนำมาตีแผ่เป็นระยะ ยังไม่รู้ว่ายังมีคนแบบนี้เป็น ส.ส.ของพรรคอีกมากน้อยแค่ไหน พรรคก้าวไกลควรกลับไปสร้างความเป็นมาตรฐานของพรรคให้ได้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นอย่ามาเรียกร้องให้รัฐบาลหรือหน่วยงานใดๆ ตรวจสอบเรื่องนั้นเรื่องนี้อีกเลย  

—

ปิดท้ายอาทิตย์นี้ ขอพูดเรื่อง กอ.รมน. ที่ สส.รอมฎอน ปันจอร์ แห่งพรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมายยุบ กอ.รมน. เรื่องกำลังอยู่ในกระบวนการรับฟังความเห็น ถ้าให้อ่านจากความเห็นของแต่ละฝ่ายจนถึงเวลานี้ เชื่อว่ายากมากที่จะได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีก็ไม่เห็นด้วย รัฐมนตรีกลาโหมก็ไม่เอา ไม่ต้องพูดถึงกองทัพ ท่าน ผบ. ยืนเป็นแผงข้างหลังนายกรัฐมนตรี 

พรรคก้าวไกลก็รู้อยู่แก่ใจว่าผ่านยาก แต่ต้องเดินหน้าเพราะเป็นนโยบาย แถมได้การสนับสนุนยุยงจากกูรูในมหาวิทยาลัยหลายท่าน สส.รอมฎอนผู้เสนอก็หวังจะได้รับการสนับสนุนให้มีบทบาทมากขึ้นในกระบวนการพูดคุยแก้ปัญหา จชต. เพราะตัวเองเป็นคนจังหวัดสตูล ต้นทุนการเป็นนักต่อสู้น้อยกว่าคนในพื้นที่อีกหลายคน แต่ถูกบางคนบางกลุ่มดึงมาทำงานด้านสันติวิธีมาหลายปีแล้ว ทำไปทำมากลายเป็นหอกข้างแคร่ฝ่ายความมั่นคง เพราะจากผู้ปฏิบัติงาน ฉันจะขอเป็นผู้นำบ้าง

หลายคนมอง กอ.รมน. อย่างเข้าใจผิด บางคนมีอคติ ไม่ใช่ กอ.รมน.จะดีไปหมดทุกเรื่อง จุดอ่อนเยอะแยะมากมาย เมื่อแรกตั้งจนถึงปัจจุบันต้องยอมรับว่าทหารโดยเฉพาะกองทัพบก ต้องการเข้ามาควบคุมสั่งการพลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ พตท. ให้ได้แบบเบ็ดเสร็จ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาความมั่นคงได้ทั่วประเทศ  การออกแบบ กอ.ปค. ต่อมาเป็น กอ.รมน. จึงเกิดขึ้นและถูกพัฒนา 

ปัจจุบันเราจึงเห็นแม่ทัพภาคใหญ่กว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ใหญ่กว่า ผบช.ภูธรภาค มีรองผู้ว่าฝ่ายทหารเกิดขึ้น ในส่วนกลางก็เอาพลเอก พลโท พลตรี ที่ไม่มีตำแหน่งในกองทัพมานั่งบริหารงานใน กอ.รมน. ระดับ ผอ.สำนัก ผอ.ศูนย์ ผอ.กอง พลเรือนมีบ้างพอให้พูดได้ว่า กอ.รมน. เป็นหน่วยงานพลเรือนสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ถามว่าเป็นนายพลระดับเกรดเอไม๊ คนที่รู้จักคุ้นเคยงาน กอ.รมน.ก็จะตอบได้ว่าไม่ใช่ 

แต่ กอ.รมน.ทำงานได้ เพราะใช้หลักการอำนวยการ กอ.ย่อมาจากกองอำนวยการ แปลว่าไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติ แต่เป็นผู้อำนวยการ หรือฝ่ายอำนวยการ คือมีข้อสั่งการ ประสานงาน ไปถึงหน่วยงานของรัฐที่เขามีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายของเขาอยู่แล้ว ให้ทำตามสิ่งที่ กอ.รมน.เห็นว่าทำแล้วจะส่งผลดีกว่า 

ไอ้ที่ว่า กอ.รมน. ทำงาน IO ก็ไม่ได้ทำหรอก คนของ กอ.รมน.ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น แต่ไปบอกให้หน่วยอื่นทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ กอ.รมน.ไม่เคยไปปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลไหน เพราะไม่มีกำลัง ทหารที่อยู่ใน กอ.รมน.ก็ไม่ได้คุมกำลังหรือมีอาวุธ กองทัพบกต่างหากที่เป็นผู้นำการรัฐประหารมาตลอด แต่เป็นเพราะสวนรื่นฤดีที่ตั้ง กอ.รมน. ถูกใช้เป็น บก.คณะปฏิวัติเสมอ เพราะที่นั่นเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกด้วย คนเข้าใจความเป็นมาเป็นไปเยอะอยู่หรอก แต่อยากยุบ ก็ต้องหาเหตุผลมาอธิบายสังคมให้ได้

จริงแล้ว กอ.รมน. เกิดขึ้น ดำรงอยู่ เพราะทหารเชื่อว่า เขาคือผู้ที่เข้าใจงานความมั่นคงของชาติมากที่สุด กองทัพทำงานด้านความมั่นคงภายในมาตลอด ไม่มีหน่วยงานรัฐหน่วยใดที่มีกำลังพล มีความเข้าใจ มีเครื่องมือ มากเท่ากองทัพ แต่กองทัพไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องได้ การออกแบบหน่วยงานให้มีลักษณะเป็นกองอำนวยการจึงเกิดขึ้น ดำรงอยู่เป็น กอ.รมน.จนถึงทุกวันนี้ 

ถามว่าควรยุบ กอ.รมน. หรือไม่ คำตอบคือมีหน่วยงานอื่นหรือไม่ที่ทำหน้าที่แทน กอ.รมน.ได้ ทำให้กองทัพมั่นใจได้หรือไม่ว่า หน่วยงานประจำสามารถทำหน้าที่ด้านความมั่นคงได้เท่ากับที่กองทัพหรือ กอ.รมน.ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้ ผบ.ทบ. รองผบ.ทบ. เสธ.ทบ. ทั้งสามท่านมีตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงใน กอ.รมน. 

ถ้าตอบสองข้อต้นได้ คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะนำบทบัญญัติในกฎหมายความมั่นคงภายในราชอาณาจักรไปใส่ไว้ในกฎหมายอื่น เพื่อให้งานด้านความมั่นคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งเรื่องหน่วยงานเจ้าภาพ งบประมาณ กำลังพลในสำนักงาน กำลังพลที่ปฏิบัติงานสนาม

สุดท้ายคำตอบอยู่ที่รัฐบาล ถ้าจะให้ยุบ กอ.รมน. ก็ให้ฝ่ายความมั่นคงออกแบบการบริหารจัดการงานความมั่นคงให้หน่วยงานปกติเข้ามารับภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าจะไม่ยุบรัฐบาลก็ต้องออกแบบการบริหารจัดการ กอ.รมน. ให้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่าไปคิดตั้งกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ หรือ Homeland Security เพียงเพื่อได้ยุบ กอ.รมน. แล้ว เพราะมันจะแค่เปลี่ยนชื่อ สร้าง brand ใหม่ แต่ปัญหายังคงอยู่เหมือนเดิม