HWG 85 จับตาความขัดแย้ง ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ผู้ว่า ธปท. และความขัดแย้งภายในพรรคก้าวไกล

เรื่องนอกสภา ทุกคนยังคงสนใจประเด็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการกระตุ้นการเจริญเติบโตเศรษฐกิจผ่านโครงการ Digital Wallet เป็นเรื่องที่กำลังถกเถียงกันอย่างกว้างขวางทั้งในระดับรัฐบาล ภาคธุรกิจ เอกชน นักการเมือง ไม่เว้นแม้แต่ประชาชนที่สนใจความเป็นไปของบ้านเมือง ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบทางบวกหรือลบโดยตรง 

ความเห็นที่มีกันในเวลานี้ ถูกจับจ้องไปที่ท่าทีของนายกรัฐมนตรี กับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งสอง ท่านเป็นบุคคลสำคัญที่สุดต่อโครงการ Digital Wallet แต่ทั้งสองท่านยังมีความเห็นไม่ตรงกัน อาจเรียกว่าแตกต่างกันค่อนข้างมาก ยังปรับจูนให้ตรงกันไม่ได้ ก็เกรงว่าจะถึงจุดแตกหัก ทำงานด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป ต้องมีคนใดคนหนึ่งจากไป ซึ่งคงจะเป็น คุณเศรษฐพุฒิผู้ว่า ธปท. มากกว่า จะเป็นคุณเศรษฐาผู้เป็นนายกรัฐมนตรี

มีผู้สันทัดกรณีกล่าวว่า คุณเศรษฐพุฒิน่าจะยืนแข็งกับท่าทีของตนเอง ซึ่งก็คือท่าทีของธนาคารกลาง ในฐานะมืออาชีพทางการเงินการคลังของประเทศ ไม่ใช่มืออาชีพทางการเมืองที่คำนึงถึงคะแนนเสียงเวลาเลือกตั้ง คุณเศรษฐพุฒิไม่เห็นด้วยตั้งแต่เรื่องนโยบายแจกเงิน ถัดมาไม่เห็นด้วยกับวิธีจากเงินที่เรียกว่าให้เงินทิพย์ หรือ Utility Token เป็นสื่อกลางในการซื้อขายสินค้าและบริการ ไม่เห็นด้วยกับวิธี แบบหว่านแห

—

ถัดไปอีกไปเห็นด้วยเรื่องวงเงิน 5.6 แสนล้านบาท เห็นว่าสูงมากจนอาจจะเกิดผลกระทบใหญ่ ต่อฐานะการคลังของประเทศ ความจริงเรื่องนี้น่าจะหาจุดผ่อนปรนและประชาชนได้ประโยชน์ คือใช้นโยบายสนับสนุนเงินผ่านโครงการกระเป๋าตังของรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งธนาคารกลางจะเห็นด้วยและสนับสนุน เพราะเคยเห็นชอบสนับสนุนมาแล้ว

แต่คุณเศรษฐาและพรรคเพื่อไทย รวมทั้งคุณทักษิณคงไม่เอาด้วย เพราะถ้ากลับไปก๊อบปี้คุณประยุทธ์ แต่ถ้าใครจำกันได้คุณประยุทธ์ก็ก๊อปปี้งานคุณทักษิณมา ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรคกองทุนหมู่บ้านให้เงินอุดหนุนเพิ่มเติมตลอด 9 ปีที่ผ่านมา 

ทั้งที่มีคนยุให้เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนวิธีการ แต่คุณประยุทธ์เห็นถึงประโยชน์ที่ชาวบ้านได้รับ ยอมกลืนเลือดต่อยอดมรดกของคุณทักษิณต่อไป คุณเศรษฐาก็ไม่น่าจะถือทิฐินะ อะไรที่ชาวบ้านคนยากคนจนได้ประโยชน์ทำไปเถอะ ประโยชน์ที่จะตกกับคือมาถึงรัฐบาลเอง

—

ยังมีเรื่องพักหนี้เกษตรกรอีกที่เห็นไม่ตรงกัน เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน คุณเศรษฐพุทธเห็นว่าการพักหนี้ เหมาะกับคนที่มีศักยภาพแต่เจอปัญหาชั่วคราว ไปต่อลำบาก ถ้าพักหนี้แล้วเขากลับมาได้ก็น่าจะดี การทำโครงการในวงกว้างจะมีผลข้างเคียงมาก อาจนำไปสู่การเป็น NPL

มีตัวเลขกว่า 70% ที่พักหนี้มา 14 ครั้ง คนมีหนี้มากขึ้นกว่าเดิม ธปท. สนับสนุนมาตรการปล่อยสินเชื่อ อย่างรับผิดชอบ ดูแลกลุ่มเรื้อรังให้ปิดหนี้ได้ มีมาตรการสร้างแรงจูงใจให้เขาชำระหนี้ต่อทำเช่นนี้น่าจะส่งผลดีกว่า

ดูแล้วเหนื่อยแทนรัฐบาล ประชาชนเฝ้าจับตาดูอยู่เพราะเข็ดขยาดกับโครงการรับจำนำข้าวที่ต้องใช้หนี้มหาศาลจนถึงวันนี้ และนายกรัฐมนตรีลงไปจนถึงรัฐมนตรีต้องติดคุกไปกันหลายคน มีคุกไปก็มี รีบคุยกันหาจุดลงตัวที่ประเทศชาติไม่เสียหายและคนไทยได้ประโยชน์

—

ย้อนกลับมาเรื่องในสภาฯที่เกิด จากการตัดสินใจของคุณปฏิพัทธ์ ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่พรรคก้าวไกลได้เลือกคุณชัยธวัชมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และประกาศจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านอีกด้วย จนทำให้พรรคก้าวไกลต้องมีมติขับคุณปฏิพัทธ์ออกจากสมาชิกพรรคไปอยู่พรรคอื่นแทน 

กำลังจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้การประชุมสภา ไม่เป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อคุณปดิพัทธ์ขึ้นมาทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภา ซึ่งหมายถึง ส.ส. และ สว. จะสอบถามถึงความสง่างามเป็นการทำหน้าที่ เพราะถือเป็น ส.ส. ที่ถูกขับออกจากสมาชิกพรรค ต้องไปหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด แถมจะยังต้องเผชิญวิบากกรรม ที่อาจถูกสมาชิกรัฐสภา ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมจากมติพรรคก้าวไกล

ทั้งคุณปฏิพัทธ์ที่สะสมแต้มลบมาตลอด หวังรับตำแหน่งและพรรคก้าวไกลยังคงให้เหตุผลเหมือนเดิม คือรัฐธรรมนูญผิด บทบัญญัติบิดเบี้ยวไม่ถูกต้อง ทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้จึงต้องทำเช่นนี้ 

นโยบายที่ประกาศจะสร้างมาตรฐานการเมืองที่สูงกว่าพรรคการเมืองอื่น จึงถูกนักการเมืองพรรคอื่นดูแคลนเอาว่าเป็นเรื่องปากว่าตาขยิบ เมื่อเวลาที่พรรคต้องการ อำนาจและ ตำแหน่ง ก็พร้อมที่จะละทิ้งอุดมการณ์ และนโยบายที่เคยพูดไว้

เหตุผลที่พรรคขับไล่คุณปฏิพัทธ์ เหมือนกับจะชื่นชมกันมากว่าเมื่อ เทียบกับก่อนหน้านี้ ตอนที่มีสมาชิกพรรคเคยแหกมติพรรคอย่างรุนแรงมากกว่าคุณปฏิพัทธ์อีก แต่พรรคไม่กล้าขับเหมือนสถานการณ์แบบนี้ หลังจากนี้ต้องดูว่าพรรคไหนจะยอมรับเลี้ยงงูเห่าไว้ในบ้าน

—

ให้นึกถึงจดหมายก่อนฉบับสุดท้ายของคุณปิยบุตร ที่ใช้ชื่อว่าปัญหาที่พรรคก้าวไกลต้องเผชิญในระยะเวลาอัน ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณปิยบุตร พูดถึงถือว่าตีแสกหน้าตีจุดอ่อนของพรรคก้าวไกลได้อย่างตรงไปตรงมา คุณปิยบุตรเปิดเผยถึงจุดตายของพรรคได้ทะลุโปร่ง ไม่ว่าจะยกความเป็นมาตรฐานของพรรคสูง แต่ ส.ส. ของพรรคทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมหรือผิดแล้วผิดอีก แล้วก็โทษว่ากฎหมายระเบียบไม่ถูกต้อง 

หรือความขัดแย้งภายในพรรคที่เกิดจากการแย่งชิงตำแหน่งกัน ซึ่งก็เริ่มมีให้เห็นแล้ว การถอยตัวออกห่างพรรคก้าวไกลของคุณปิยบุตร ก็เกิดจากสาเหตุความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ของคนที่คอยชี้นิ้วสั่งการแบบผู้นำทางความคิดจิตวิญญาณ ไม่สนใจเสียงสนับสนุนของกลุ่มด้อมอย่างคุณปิยบุตรและกลุ่ม ส.ส. ของพรรคที่ต้องรับฟังและแคร์ต่อเสียงสะท้อนจากหลายทางทั้งประชาชนแฟนคลับและสื่อมวลชน 

เมื่อผู้ชี้นำเห็นว่าความคิดของตนเองไม่มีประโยชน์ ก็ต้องถอนตัวเองไป คงนึกได้แล้วว่าตำแหน่งและอำนาจทางการเมือง มีพลังทำลายล้างคนกันเองขนาดไหน